เที่ยวตลาดน้ำอัมพวา (Amphawa Floating Market) กินกุ้ง สวนลิ้นจี่ ชมหิ่งห้อย

ตลาดน้ำอัมพวา (Amphawa Floating Market) ถือว่าเป็นตลาดน้ำที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นที่นิยมของทั้งนักท่องเที่ยวคนไทยและคนต่างชาติ ด้วยความที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทย เป็นตลาดน้ำ ที่มีแม่ค้า พายเรือมาขาย และร้านค้าอีกมากมายบนฝั่ง จุดเด่นที่มีชื่อเสียงเมื่อมาเยือนตลาดน้ำอัมพวาคือ ทานอาหารทะเลสดๆ ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง หอย ปู ปลา และที่โดดเด่นก็คือ กุ้งแม่น้ำจากธรรมชาติสดๆ จากแหล่งน้ำคลองอัมพวา และนั่งเรือไหว้พระ นั่งเรือชมหิ่งห้อยในตอนเย็น บรรยากาศสองฝั่งคลองสีเขียวสดชื่นไปด้วยต้นไม้ ต้นจาก สวนส้มโอ สวนลิ้นจี่ และสวนมะพร้าวกะทิ อากาศสดชื่น คงความมีเสน่ห์ของบ้านริมคลอง

ตลาดน้ำอัมพวา
ตลาดน้ำอัมพวา (Amphawa Floating Market)

เวลาเปิดทำการตลาดน้ำอัมพวา

เปิดทุกวัน เสาร์, อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.30 น.

ตลาดน้ำอัมพวา (Amphawa Floating Market)

1. การเดินทางที่นิยมของนักท่องเที่ยวเพื่อให้ซึมซับกับบรรยากาศมากที่สุดก็คือ การเดินทางด้วยรถไฟ เพราะจะได้ชมตลาดร่มหุบไปด้วย ซึ่งเป็นตลาดที่มีชื่อเสียงและ เป็น Unseen Thailand หากต้องการเดินทางด้วยการรถไฟ ให้ไปขึ้นรถไฟที่สถานีวงเวียนใหญ่ แล้วนั่งไปลงที่สถานีมหาชัย (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงโดยประมาณ) จากนั้นนั่งเรือข้ามฟากไปต่อรถไฟที่สถานีบ้านแหลม เพื่อ ไปสถานีแม่กลอง (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง)

การเดินทางมาตลาดน้ำอัมพวา

จากสถานีบ้านแหลมเพื่อไปสถานีแม่กลอง มีรอบรถไฟทั้งหมด 4 รอบด้วยกัน คือ

รอบออกจากสถานีบ้านแหลมไปสถานีแม่กลอง รอบ 7.30 – 8.30 น.

รอบออกจากสถานีบ้านแหลมไปสถานีแม่กลอง รอบ 10.10 – 11.10 น.

รอบออกจากสถานีบ้านแหลมไปสถานีแม่กลอง รอบ 13.30 – 14.30 น.

รอบออกจากสถานีบ้านแหลมไปสถานีแม่กลอง รอบ 16.40 -17.40 น.

ตลาดน้ำอัมพวา
ตลาดน้ำอัมพวา (Amphawa Floating Market)

2. หากขับรถยนต์ส่วนตัวจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าขับตรงไปทางถนนพระรามสอง ขับตรงไปผ่านจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อสิ้นสุดเขตจังหวัดสมุทรสาคร ขับตรงไปเรื่อยๆ จะเจอป้ายตลาดน้ำอัมพวาและตลาดน้ำดำเนินสะดวก(ขับไปเส้นทางเดียวกัน) ขับรถขึ้นสะพานกลับรถตามป้ายบอกทาง ทางเลี่ยงเมืองสมุทรสงคราม จากทางกลับรถเลี่ยงเมือง ขับไปอีกประมาณ 600 เมตร เจอทางเลี้ยว ให้เลี้ยวซ้าย มีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ ขับตามป้ายบอกทางไปเรื่อยๆ ก็จะเจอตลาดน้ำอัมพวา เข้าไปจอดรถที่วัดอัมพวันเจติยาราม มีค่าบำรุงวัด 30 บาทจอดได้ตลอดวัน

ตลาดน้ำอัมพวา
ตลาดน้ำอัมพวา (Amphawa Floating Market)

3. หากมารถตู้ให้ไปขึ้นรถที่สถานีสายใต้ใหม่ รถกรุงเทพฯ – ดำเนินสะดวก แล้วมาลงที่ตลาดน้ำอัมพวา

ทำอะไรบ้างเมื่อมาเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา

ตลาดน้ำอัมพวา (Amphawa Floating Market)
  1. สถานที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเที่ยวตลาดน้ำอัมพวาก็คือ เดินช้อป ชิม เที่ยวที่ตลาดน้ำอัมพวา กินอาหารทะเลสดๆ กุ้งแม่น้ำตัวโตๆ
เส้นทางเดินเรียบตลาดน้ำอัมพวา
เส้นทางเดินเรียบตลาดน้ำอัมพวา
ตอบโจทย์ทุกความต้องการ กับบัตร KTC PROUD เป็นทั้งบัตรกดเงินสด และบัตรผ่อนสินค้า 0% นานสูงสุด 24 เดือน
สนใจคลิกเลย
https://cl.accesstrade.in.th/0021140011q8
เนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด ทำให้นักท่องเที่ยวน้อย ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีมากที่ควรมาเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา
เนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด ทำให้นักท่องเที่ยวน้อย ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีมากที่ควรมาเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา
ร้านสุนทรีกุ้งเผา อาหารทะเลสดๆ น้ำจิ้มเด็ด และ กุ้งแม่น้ำ (ไม่ใช่กุ้งเลี้ยง)
ร้านสุนทรีกุ้งเผา อาหารทะเลสดๆ น้ำจิ้มเด็ด และ กุ้งแม่น้ำ (ไม่ใช่กุ้งเลี้ยง)
กุ้งแม่น้ำสุดๆ เนื้อหวาน ทานคู่กับน้ำจิ้มแซ่บๆ
กุ้งแม่น้ำสุดๆ เนื้อหวาน ทานคู่กับน้ำจิ้มแซ่บๆ
ส้มตำไทยปูรสชาติก็เด็ดไม่แพ้กัน ควรลอง
ส้มตำไทยปูรสชาติก็เด็ดไม่แพ้กัน ควรลอง

2. นั่งเรือชมวิถีชีวิตริมคลองรอบๆ อัมพวา ในตอนกลางวัน ไปติดทอง ขอพร ไหว้พระ ในอำเภออำพวา มีวัดตั้งอยู่เยอะมาก และมีวัดซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 ซึ่งมีอายุมากกว่า 200 กว่าปีอยู่หลายวัดด้วยกัน เช่น วัดอัมพวันเจติยาราม วัดบางแคใหญ่ วัดภุมรินทร์กุฎีทอง (วัดตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1)

วัดภุมรินทร์กุฎีทอง (วัดตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1)

กุฎิทองหลังนี้สร้างโดย ท่านทอง ท่านสั้น ผู้เป็นบิดามารดาของสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ (เดิมชื่อนาค) พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2325 และได้บูรณะใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2431

ตลาดน้ำอัมพวา
ตลาดน้ำอัมพวา
หลวงพ่อโต องค์ใหญ่ที่สุดในอำเภออัมพวา วัดท้องคุ้ง
หลวงพ่อโต องค์ใหญ่ที่สุดในอำเภออัมพวา วัดท้องคุ้ง

และวัดที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาดคือ วัดบางกุ้ง(วัดโบสถ์ปรกโพธิ์) ซึ่งเป็นวัดที่มีจุดเด่นที่พระอุโบสถ ซึ่งเป็นโบสถ์เก่าแก่ ปกคลุมทั้งอาคารด้วยรากของต้นโพธิ์

ราคาค่าเรือหากแชร์ไปกับคนอื่นๆ ราคาคนละ 50 บาท หรือหากจะเหมาเรือไปส่วนตัว ราคาประมาณ 300-500 แล้วแต่ตกลงกับเจ้าของเรือแต่ละลำ

3. นั่งเรือชมหิ่งห้อยในตอนเย็น ราคาค่าเรือหากแชร์กับคนอื่นๆ ราคาคนละ 60 บาท เริ่มเวลา 18.00 น.

4. นอนโฮมสเตย์ สัมผัสวิถีชุมชม มีสวนส้มโอ สวนมะพร้าวกะทิ สวนลิ้นจี่ ซึ่งจะออกผลเยอะในช่วงกลางเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม

ไปเมื่อปลายเดือนมีนาคม ลิ้นจี่กำลังออกผล

5. ช้อปของฝากที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งได้แก่ ปลาทูหน้างอคอหัก อาหารทะเลแห้ง น้ำตาลมะพร้าว น้ำผึ้งสดจากดอกลิ้นจี่ ส้มโอ ลิ้นจี่ ขนมไทยโบราณต่างๆ เป็นต้น

พาเที่ยวตลาดน้ำในกรุงเทพฯ ที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม (Ladmayom Floating Market) เดินทางง่ายๆ ด้วย MRT และ BTS

ตลาดน้ำคลองลัดมะยมเป็นตลาดน้ำตั้งอยู่ในเขตตลิ่งชัน เป็นตลาดริมคลอง มีพื้นที่ขนาดกว้างขวาง บรรยากาศสบายๆ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ตลาดน้ำคลองลัดมะยมเปิดให้บริการทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ เวลาเปิดปิด 8.00-17.00 น. ตั้งอยู่ที่ถนนบางระมาด แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร (ช่วงถนนบางระมาด 6)

ตลาดน้ำคลองลัดมะยม (Ladmayom Floating Market)
ตลาดน้ำคลองลัดมะยม (Ladmayom Floating Market)

วิธีการเดินทางก็มาได้ง่ายๆ โดยการเดินทางด้วย BTS และ MRT

ถ้านั่ง BTS ให้ลงสถานี “บางหว้า” แล้วนั่งแท็กซี่ต่อเข้ามา ค่ามิเตอร์จะประมาณ 80 บาท หรือ ถ้านั่ง MRT สามารถลงได้ที่ “สถานีบางไผ่,สถานีบางหว้า และ สถานีเพชรเกษม48” ได้ จากนั้นนั่งแท็กซี่ต่อไปค่าแท็กซี่อยู่ที่ประมาณ 80 บาทเช่นกัน สามารถเลือกเดินทางได้ตามสะดวก หรือหากจะขับรถยนต์มาเอง ก็มีที่จอดรถไว้ให้บริการซึ่งเป็นพื้นที่ของชาวบ้านระแวกนั้น มีที่จอดรถเยอะเพียงพอ ค่าจอดรถประมาณ 20 บาท/คัน

มองเห็นพระพุทธธรรมกายเทพมงคล ของวัดปากน้ำภาษีเจริญจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีบางไผ่
มองเห็นพระพุทธธรรมกายเทพมงคล ของวัดปากน้ำภาษีเจริญจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีบางไผ่
ด้านหน้าตลาดน้ำคลองลัดมะยม (Ladmayom Floating Market)
ด้านหน้าตลาดน้ำคลองลัดมะยม (Ladmayom Floating Market)

ตลาดน้ำคลองลัดมะยม มีทั้งหมด 7 โซน มีสินค้าขายมากมายหลากหลายชนิดทั้งผลไม้ อาหารสด อาหารแห้ง ขนม เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้และต้นไม้ ของชาวบ้าน และชาวสวนระแวกนั้นนำมาขาย ซึ่งเป็นเสน่ห์ของตลาดน้ำคลองลัดมะยม ไม่น่าเชื่อว่าตลาดน้ำแห่งนี้จะอยู่ในกรุงเทพมหานคร เพราะบรรยากาศของตลาดและชุมชนระแวกนี้ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ต่างจังหวัด ดูสงบ เรียบง่าย

ผัก ผลไม้สดๆ ปลอดสารพิษ จากสวนของชาวบ้าน
ผัก ผลไม้สดๆ ปลอดสารพิษ จากสวนของชาวบ้าน
ขนมไทยโบราณก็หากินได้ที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม
ขนมไทยโบราณก็หากินได้ที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม
ตอบโจทย์ทุกความต้องการ กับบัตร KTC PROUD เป็นทั้งบัตรกดเงินสด และบัตรผ่อนสินค้า 0% นานสูงสุด 24 เดือน
สนใจคลิกเลย
https://cl.accesstrade.in.th/0021140011q8
สินค้าของชาวบ้าน ก็จะมีทั้งผัก ผลไม้สดๆ จากสวน และพันธุ์ต้นไม้ที่เพาะปลูกเอง
สินค้าของชาวบ้าน ก็จะมีทั้งผัก ผลไม้สดๆ จากสวน และพันธุ์ต้นไม้ที่เพาะปลูกเอง
เสน่ห์ของตลาดน้ำ คือชาวบ้านพายเรือมาขายซึ่งเป็นสินค้าจากสวนของชาวบ้านเอง
เสน่ห์ของตลาดน้ำ คือชาวบ้านพายเรือมาขายซึ่งเป็นสินค้าจากสวนของชาวบ้านเอง
ผลไม้สดๆ จากสวนที่นำมาขาย
ผลไม้สดๆ จากสวนที่นำมาขาย
ผลไม้สดๆ

ที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม มีอาหารอร่อยเยอะแยะมากมาย ให้เลือกชิม ทั้งคาวหวาน

ที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม มีขายอาหารหลากหลายประเภท
ที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม มีขายอาหารหลากหลายประเภท
ร้านนี้นอกจากขนมเบื้องชิ้นใหญ่แล้ว แม่ค้าก็แต่งตัวเป็นเอกลักษณ์ความเป็นไทย
ร้านนี้นอกจากขนมเบื้องชิ้นใหญ่แล้ว แม่ค้าก็แต่งตัวเป็นเอกลักษณ์ความเป็นไทย
อาหารทะเลก็มีขาย
อาหารทะเลก็มีขาย
ขนมไทยทำกันสดๆ
ขนมไทยทำกันสดๆ

นอกจากเดินเที่ยวในตลาดแล้ว ยังมีบริการเรือท่องเที่ยวชมวิถีริมคลอง ราคาไม่แพง ไว้บริการให้นักท่องเที่ยว

โต๊ะที่นั่งในตลาดน้ำคลองลัดมะยม
โต๊ะที่นั่งในตลาดน้ำคลองลัดมะยม

เมื่อซื้อหาของกินแล้วไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีที่นั่ง เพราะที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม จัดที่นั่งสำหรับพักเหนื่อยและนั่งกินไว้หลายที่ในแต่ละโซน เลือกนั่งได้ตามความพอใจ ทั้งที่ริมน้ำและกลางตลาด

โต๊ะที่นั่งในตลาดน้ำคลองลัดมะยม
โต๊ะที่นั่งในตลาดน้ำคลองลัดมะยม
โต๊ะที่นั่งในตลาดน้ำคลองลัดมะยม
โต๊ะที่นั่งในตลาดน้ำคลองลัดมะยม

โซนของที่ระลึกอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับตลาดต้องเดินข้ามสะพานข้ามมา

โซนของที่ระลึก
โซนของที่ระลึก
บรรยากาศริมคลอง ตลาดน้ำคลองลัดมะยม
บรรยากาศริมคลอง ตลาดน้ำคลองลัดมะยม

เมื่อเดินตลาดจนเบื่อแล้ว หากอยากนั่งพักผ่อนดื่มกาแฟชิวๆ ข้ามสะพานมาฝั่งสินค้าที่ระลึก ตรงข้ามตลาดยังมีคาเฟ่ The Pine Farm& Cafe ตั้งอยู่ใกล้ๆ ซึ่งเป็นคาเฟ่ที่มีฟาร์มต้นแคสตัสให้ชม และมีฟาร์มกระต่าย กับนกแก้ว ไว้ให้ชมอีกด้วย

The Pine Farm& Cafe
The Pine Farm& Cafe

ที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม นอกจากอาหารและของกินแล้ว อีกอย่างที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ โซนขายต้นไม้ โดยชาวบ้านเพาะพันธุ์ต้นไม้มาขาย มีขายต้นไม้ทั้งพันธุ์ไม้บ้านๆ เช่นพริก กะเพราะ โหระพา ใบมะกรูด ฯลฯ และพันธุ์ไม้ยอดนิยมอื่นๆ ทั้งไม้ดอกและไม้ผล ดูแล้วเพลิดเพลินตายิ่งนัก

ร้านราชา บัวทอง
ร้านราชา บัวทอง

เดินมาเจอร้านนี้ถึงกับสะดุดตา เพราะมีบัวหลากหลายสี หลากหลายพันธุ์ ทำให้ได้คุยกับเจ้าของร้าน ร้านขายบัวร้านนี้มีความพิเศษตรงที่ มีขายบัวทุกชนิด ทุกสายพันธุ์ และรับปลูกบัวทุกชนิดทั่วประเทศไทย ต้นพันธุ์บัวราคาย่อมเยาว์ หากใครเป็นสายปลูกบัว ร้านนี้น่าสนใจมากเลยทีเดียว

บัวพันธุ์ใหญ่ แบบลงไปยืนบนใบบัวได้
บัวพันธุ์ใหญ่ แบบลงไปยืนบนใบบัวได้
เบอร์โทรติดต่อร้านราชา บัวทอง

ตลาดน้ำคลองลัดมะยม เป็นตลาดน้ำขนาดใหญ่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเดินทางได้สะดวก มีเวลาครึ่งวันก็มาเที่ยวที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยมได้ และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชม

ย้อนรอยประวัติศาสตร์นารายณ์ราชนิเวศน์ เมืองลพบุรี พระราชวังที่ประทับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

ลพบุรี (Lopburi Province) เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ต่อเนื่องและยาวนานที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศไทย ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ไม่ต่ำกว่า 3,500 ปีมาแล้ว หน้าตึกแถวย่านการค้าธุรกิจในตัวเมืองลพบุรีที่มีคนอยู่หนาแน่น ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เมื่อเดินผ่านแนวต้นสารภีเข้าไปภายในก็จะพบ “พระนารายณ์ราชนิเวศน์” ซึ่งเป็นราชวังเดิมของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช บูรพกษัตริย์ไทยสมัยอยุธยา ซึ่งปรากฏหลักฐานทั้งทางเอกสารและทางสถาปัตยกรรมมากมายระบุว่า “แผ่นดินของพระองค์เปรียบดั่งแผ่นดินทองของการค้าขายและวิทยาการสมัยใหม่จากตะวันตกที่หลั่งไหลเข้ามากับฝรั่งราชทูต บาทหลวง พ่อค้าวาณิช” ที่ล่องเรือข้ามซีกโลกมุ่งสู่แผ่นดินสยามด้วยจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน ฝรั่งข้าราชสำนักผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในยุคนั้น คือ “คอนสแตนติน ฟอลคอน หรือ ออกญาวิไชเยนทร์” ทำหน้าที่ควบคุมด้านการค้าต่างประเทศเป็นนักแสวงโชคชาวกรีก ซึ่งเป็นคนที่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเกลียดชังอย่างที่สุด เพราะชอบใช้อำนาจมืดวางแผนกำจัดศัตรูทางการเมือง

นารายณ์ราชนิเวศน์
นารายณ์ราชนิเวศน์
นารายณ์ราชนิเวศน์
นารายณ์ราชนิเวศน์

พระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์ เป็นพระราชวังที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช โปรดให้สร้างขึ้น ณ เมืองลพบุรี เมื่อประมาณ พ.ศ.2208-2209 มีข้อสันนิษฐานที่สำคัญ คือ ใน พ.ศ. 2207 เกิดกรณีพิพาทระหว่างฮอลันดากับไทย ฮอลันดาได้นำเรือมาปิดปากอ่าวไทยและบังคับให้ไทยทำสนธิสัญญาเสียเปรียบทางการค้าและเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต สมเด็จพระนารายณ์ทรงเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำใหญ่ ไม่ห่างจากทะเล และด้วยเหตุผลทางการเมืองภายในประเทศ พระองค์โปรดให้สร้างพระราชวังที่เมืองลพบุรี ใช้เป็นราชธานีที่สอง ด้วยสภาพภูมิประเทศที่ตั้งอยู่ไกลจากแม่น้ำใหญ่ มีป่า ภูเขา สัตว์ป่าชุกชุมทำให้ต้องอัธยาศัยในการเสด็จเข้าป่าล่าสัตว์ล้อมจับช้างในบริเวณป่าใกล้เมืองลพบุรี พระองค์จึงรู้สึกปลอดภัยเมื่อประทับอยู่ที่เมืองลพบุรี

สมเด็จพระนารายณ์
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
นารายณ์ราชนิเวศน์
นารายณ์ราชนิเวศน์
ตอบโจทย์ทุกความต้องการ กับบัตร KTC PROUD เป็นทั้งบัตรกดเงินสด และบัตรผ่อนสินค้า 0% นานสูงสุด 24 เดือน
สนใจคลิกเลย
https://cl.accesstrade.in.th/0021140011q8
นารายณ์ราชนิเวศน์
นารายณ์ราชนิเวศน์

พระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์ พระราชวังหันเข้าหาตัวเมือง ด้านหลังติดแม่น้ำลพบุรี กำแพงพระราชวังก่ออิฐถือปูน กำแพงชั้นนอกสูงใหญ่โดยรอบ มีใบเสมาเรียงรายบนสันกำแพงตลอด ตรงกึ่งกลางกำแพงมีป้อมปืนอยู่ 7 ป้อม ตรงฐานของป้อมปืนแต่ละป้อมเจาะเป็นช่องกลมเพื่อเสียบปืนใหญ่ กำแพงด้านในเจาะเป็นช่องสำหรับตามประทีป มีประตูทางเข้า 7 ประตู มีลักษณะโค้งแหลม ปัจจุบันเปิดให้เข้าได้เฉพาะประตูด้านหน้า ทางทิศตะวันออกเท่านั้น

กำแพงล้อมรอบ พระราชวัง
กำแพงล้อมรอบ พระราชวัง

พระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์มีพื้นที่ประมาณ 43 ไร่ ออกแบบโดยวิศวกรชาวฝรั่งเศส ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบไทยผสมตะวันตก สมเด็จพระนารายณ์ทรงโปรดประทับ ณ เมืองลพบุรีเกือบตลอดปี เฉพาะฤดูฝนเท่านั้นที่จะเสด็จไปประทับอยู่ ณ กรุงศรีอยุธยา เมืองลพบุรีจึงเป็นศูนย์กลางความเจริญในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์

นารายณ์ราชนิเวศน์
นารายณ์ราชนิเวศน์

พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของสมเด็จพระนารายณ์ บันทึกของชาวฝรั่งเศสกล่าวว่าพระที่นั่งองค์นี้ตั้งอยู่ในพระราชอุทยานที่ร่มรื่น ทรงปลูกพรรณไม้ต่างๆ ด้วยพระองค์เอง หลังคาพระที่นั่งมุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลือง ที่มุมทั้งสี่มีสระน้ำขนาดใหญ่ 4 สระ ใช้เป็นที่สรงสนานของพระเจ้าแผ่นดิน สมเด็จพระนารายณ์สวรรคต ณ พระที่นั่งองค์นี้ เมื่อ พ.ศ. 2231 ปัจจุบันเหลือเพียงแต่ฐานรากเท่านั้น

พระที่นั่งสุทธาสวรรค์
พระที่นั่งสุทธาสวรรค์
พระที่นั่งสุทธาสวรรค์
พระที่นั่งสุทธาสวรรค์

จากบันทึกของ นิโกลาส แชร์แวส ชาวฝรั่งเศสได้บรรยายไว้ว่า “หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลืองคล้ายทองคำเมื่อยามต้องแสงตะวัน พระที่นั่งองค์นี้มีกำแพงแก้วล้อมรอบ ตรงมุมมีสระน้ำใหญ่ 4 สระ บรรจุน้ำบริสุทธิ์ เป็นที่สรงสนาน ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายใต้กระโจมซึ่งคลุมกั้น สระน้ำทางขวามือตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาจำลองซึ่งปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวชอุ่มและดอกไม้ซึ่งส่งกลิ่นหอมตลอดเวลา มีน้ำพุใสจ่ายแจกให้แก่ธารน้ำทั้ง 4 ในบริเวณพระที่นั่ง สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงปลูกพันธ์ไม้ดอกด้วยพระหัตถ์เอง ตรงหน้าพระที่นั่งปลูกต้นส้ม มะนาว และพันธ์ไม้ในประเทศอย่างอื่นมีใบดกหนาทึบแม้ยามแดดร้อนตะวันเที่ยงก็ร่มรื่นอยู่เสมอ”

นารายณ์ราชนิเวศน์
นารายณ์ราชนิเวศน์

วังนารายณ์ เมื่อสิ้นสูญผู้ครอบครอง พระราชวังที่เคยอึกทึกไปด้วยผู้คนทั้งจากแผ่นดินตะวันตกและเปอร์เซีย บางค่ำคืนเคยตามประทีปดวงไฟสว่างไสว บนโต๊ะอาหารยาวเหยียดมีเหล้าองุ่นชั้นเลิศให้เลือกจิบ อาหารทั้งไทยฝรั่งมากมาย

ประตูทางเข้านารายณ์ราชนิเวศน์
ประตูทางเข้านารายณ์ราชนิเวศน์
นารายณ์ราชนิเวศน์

มาบัดนี้เหลือเพียงซากอาคารยืนทะมึน เป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นโดยรับอิทธิพลจากฝรั่งเศส อิหร่าน และไทยผสมกันอย่างลงตัว
พระที่นั่งสุทธาสวรรค์ ซึ่งเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนารายณ์และเคยมีน้ำพุจากภูเขาจำลองสร้างตามแบบของวัฒนธรรมอิหร่านเพื่อปรับอากาศภายในให้เย็นขึ้น กลับเหลือเพียงกองอิฐแดงชำรุดและปูนกะเทาะ