เที่ยวน่าน ไหว้สักการะพระธาตุแช่แห้ง พระธาตุประจำคนเกิดปีเถาะ (กระต่าย)

ปีเถาะเป็นปีที่สี่ของปีนักษัตร (ธาตุไม้) มีสัญลักษณ์เป็นรูป “กระต่าย” สำหรับคนเกิดปีเถาะมีพระธาตุประจำปีเกิด คือ พระธาตุแช่แห้ง ตั้งอยู่ที่วัดพระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน หากมีโอกาสได้มาเที่ยวในเมืองน่าน ควรมาสักการะองค์พระธาตุแช่แห้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองน่าน ให้ได้สักครั้ง เพื่อเป็นการเสริมบุญบารมีให้เกิดความเป็นสิริมงคลในชีวิต พระธาตุแช่แห้งประดิษฐานอยู่ ณ อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร องค์พระธาตุตั้งอยู่บนเนินเขาลูกเตี้ย ๆ

วัดพระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน
วัดพระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน

ประวัติพระธาตุแช่แห้ง

ตามตำนานกล่าวว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับสรงน้ำที่ริมฝั่งแม่น้ำน่านทางทิศตะวันออก ที่บ้านห้วยไค้ และเสวยผลสมอแห้ง ซึ่งพระยามลราชนำมาถวาย แต่ผลสมอนั้นแห้งมาก พระพุทธเจ้าจึงทรงนำผลสมอนั้นไปแช่น้ำก่อนเสวย และทรงพยากรณ์ว่า ต่อไปที่นี่จะมีผู้นำพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐาน จึงเรียกพระสถูปที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุแห่งนี้ว่า พระธาตุแช่แห้ง

พระธาตุแช่แห้งองค์เดิม
พระธาตุแช่แห้งองค์เดิม

พระธาตุแช่แห้ง พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวน่าน สันนิษฐานว่ามี อายุราว 600 ปี พญาการเมืองโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1891 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้มาจากกรุงสุโขทัย องค์พระธาตุมีความสูง 55.5 เมตร ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างด้านละ 22.5 เมตร บุด้วยทองเหลืองหมดทั้งองค์ เป็นโบราณสถานที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของล้านนา ทุกปีจะมีงานนมัสการพระบรมธาตุแช่แห้ง ระหว่างวันขึ้น 11 ค่ำ ถึง 15 ค่ำเดือน 6 ทางเหนือ ซึ่งจะอยู่ราวปลายเดือนกุมภาพันธ์หรือต้นเดือนมีนาคมของทุกปี

วัดพระธาตุแช่แห้ง ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่าน เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองน่าน ตั้งอยู่บ้านหนองเต่า ตำบลม่วงตึ๊ด อำเภอภูเพียง เป็นพระธาตุที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า

พระธาตุแช่แห้ง
พระธาตุแช่แห้ง

ลักษณะสถาปัตยกรรมขององค์พระธาตุแช่แห้ง(ปัจจุบันอยู่ในการบูรณะซ่อมแซม) สันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลมาจากพระธาตุหริภุญไชย(ลำพูน) เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำบนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส

ในวัดพระธาตุแช่แห้ง นอกจากองค์พระธาตุแช่แห้งแล้ว ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลากหลาย อาทิ พระเจ้าทันใจ พระวิหารหลวง พระเจ้าล้านทอง พระพุทธไสยยาสน์ ฯลฯ

วิหารพุทธไสยาศน์
วิหารพุทธไสยาศน์

วิหารพุทธไสยาศน์ อยู่ทางด้านหน้านอกกำแพงแก้วขององค์พระธาตุแช่แห้ง ก่อสร้างตามแนวยาวขององค์พระ มีประตูทางเข้าด้านหลังคือ ทิศใต้

พระพุทธไสยยาสน์
พระพุทธไสยยาสน์

บทสวดบูชาพระธาตุแช่แห้ง (ประจำปีเถาะ)

คำไหว้องค์พระธาตุแช่แห้ง
คำไหว้องค์พระธาตุแช่แห้ง

(ตั้งนะโม 3 จบ)
ยาธาตุภูตา อะตุลานุภาวา
จีรัง ปะติฎฐิตา นันทะกัปปะเกปุเร
เทเวนะ คุตตา วะระพุทธะธาตุง
จิรัง วันทามิ หันตัง
ชินะธาตุโย โสตะถาคะตัง
อะหังวันทามิ สัพพะทา
อะหัง วันทามิ ทูระโต (สวด 3 จบ)

รีวิวบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น ZEN Restuarant Premium Buffet 699+ Central Rama9

เปิดประสบการณ์การทานบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียม ที่สุดของบุฟเฟต์ญี่ปุ่นอร่อยคุ้มเกินคาด ร้าน ZEN Restuarant เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น มีให้บริการทั้งแบบธรรมดา และแบบบุฟเฟต์

บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น ZEN Restuarant
บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น ZEN Restuarant

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มาทานที่ร้าน ZEN Restuarant ที่เซ็นทรัลแกรนด์พระรามเก้า อย่างที่ทราบกันว่าการทานอาหารญี่ปุ่นนั้นราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบราคาต่อจาน ร้าน ZEN restuarant ตั้งอยู่ที่ชั้น 6 ก่อนจะถึงชั้นโรงหนัง มีป้ายอาหารโดดเด่นแสดงโชว์อยู่หน้าร้านซึ่งมีให้บริการแบบบุฟเฟต์ จากภาพประกอบที่แสดงบนป้ายหน้าร้านเชิญชวนให้เราต้องมาลองทานดู เพราะดูจากรูปแล้วอาหารค่อนข้างพรีเมียม และบุฟเฟต์ในราคา 699+/คน เป็นราคาที่ไม่ได้สูงมากจนเกินไป

บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น ZEN Restuarant
บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น ZEN Restuarant

ราคาบุฟเฟต์มีดังนี้

ราคาบุฟเฟต์ผู้ใหญ่ คนละ 699+ (ราคารวมค่าเครื่องดื่มรีฟิล) อร่อยคุ้มกว่า 80 เมนู

ราคาบุฟเฟต์เด็ก (ส่วนสูงระหว่าง 100-130 ซม.) คนละ 349+ (ราคารวมค่าเครื่องดื่มรีฟิล) อร่อยคุ้มกว่า 80 เมนู

ZEN Grand Premium Buffet บุฟเฟต์สุดพรีเมียม ราคาเพียง 1,199+ บาท/คน อิ่มคุ้มกับเมนูหลากหลายสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่มีให้เลือกกว่า 130 เมนู พรีเมียมอีกระดับกับวัตถุดิบพิเศษ เช่น ปลาฮามาจิ ทูน่าอากามิ ทรัฟเฟิล เอ็นกาวะ ฟัวกราส์ เนื้อวากิวออสเตรเลีย และปลาไหลญี่ปุ่น

เราเลือกทานบุฟเฟต์แบบ 699+ ราคานี้รวมเครื่องดื่มแล้ว เครื่องดื่มที่มีให้เลือกก็จะมีชาเขียวเย็น ชามะนาว ชานมเย็น แดงมะนาว และชาเขียวร้อน มีระยะเวลาในการรับประทานอาหารได้ 2 ชั่วโมง นับเวลาตั้งแต่อาหารจานแรกเสิร์ฟที่โต๊ะ และมีเงื่อนไขคือ หากทานอาหารเกินเวลาจะคิดเพิ่ม 10 นาที 50 บาท ต่อคน หรือหากทานไม่หมดจะคิดราคาเท่าราคาปกติต่อจาน

บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น
บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น 699+

จานแรกเป็นแซลมอลซาซิมิ + มินิซาซิมิ (ปูอัด แซลมอล และปลามากุโร่) อาหารสดและคุณภาพ ชิ้นใหญ่

บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น
บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น

จานนี้เป็นแซลมอลย่างซีอิ๊ว รสชาติอร่อย ชิ้นใหญ่

บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น
บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น

จานนี้คือ แคลิฟอร์เนียเทมากิ จานนี้ก็อร่อยมาก ขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป สั่งจานนี้ไป 2 ครั้ง อร่อย

บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น
บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น

จานนี้คือปูอัดน้ำยำไทย รสชาติจัดจ้านไปหน่อยนึง สั่งมากินเพื่อตัดเลี่ยนจานอื่น

บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น
บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น

จานนี้คือแซลมอนยำซีฟู๊ด จานนี้รสชาติจัดจ้านเช่นกัน

บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น
บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น

จานนี้คือทาโกะยากิ จานนี้รสชาติไม่ได้ว๊าวมาก

บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น
บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น

ในถ้วยนี้คือซุปมิโสะ สั่งมาซดเพื่อความคล่องคอ หลังจากทานจานอื่นๆ

ทั้งหมดนี้เรากินคนเดียว สรุปเราทานไปได้เพียงแค่นี้เพราะอิ่มมากๆ อิ่มตั้งแต่ชั่วโมงแรก เลยสั่งขนมหวานมาทานปิดท้ายซะหน่อย ขนมหวานที่รวมในบุฟเฟต์ก็จะมี น้ำแข็งใสถั่วแดง น้ำแข็งใสบ๊วย ไอศกรีมวนิลาถั่วแดง ไอศกรีมวนิลา ไอศกรีมชาเขียวถั่วแดง และไอศกรีมชาเขียว ราคานี้คือทานได้ครบทั้งอาหาร เครื่องดื่มและขนมหวาน

บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น
บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น

สรุปค่าเสียหายวันนี้ที่ราคา 768 บาท (ราคาบุฟเฟต์ 699 + service charge 10%)

ไหว้พระธาตุพระเกศแก้วจุฬามณีสำหรับคนเกิดปีจอ(สุนัข) ที่วัดเกตการาม จ.เชียงใหม่

การไหว้พระธาตุ หรือพระบรมสารีริกธาตุ สำหรับพุทธศาสนิกชนคนไทยแล้ว หากมีโอกาสควรไปกราบไหว้สักการะพระธาตุประจำปีเกิดให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะมีความเชื่อกันว่าการได้มากราบไหว้ขอพรพระธาตุประจำปีเกิดของตน เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต

พระธาตุพระเกศแก้วจุฬามณีสำหรับคนเกิดปีจอ(สุนัข) ที่วัดเกตการาม
พระธาตุพระเกศแก้วจุฬามณีสำหรับคนเกิดปีจอ(สุนัข) ที่วัดเกตการาม

ปีนักษัตรมี ทั้งหมด 12 นักษัตร ได้แก่ 1.ชวด(หนู) 2.ฉลู(วัว) 3.ขาล(เสือ) 4.เถาะ(กระต่าย) 5.มะโรง(งูใหญ่) 6.มะเส็ง(งูเล็ก) 7.มะเมีย(ม้า) 8.มะแม(แพะ) 9.วอก(ลิง) 10.ระกา(ไก่) 11.จอ(หมา) 12.กุล(หมู)

พระธาตุปีจอ วัดเกตการาม
พระธาตุปีจอ วัดเกตการาม

การเดินทางครั้งนี้ได้มาเที่ยวเชียงใหม่จึงได้มีโอกาสมากราบสักการะขอพรองค์พระธาตุเกศแก้วจุฬามณี ที่วัดเกตการาม ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอเมืองเชียงใหม่ ริมแม่น้ำแม่ปิง ซึ่งเป็นพระธาตุสำหรับคนเกิดปีจอ ซึ่งตรงกับปีนักษัตรของเรา ปีนักษัตรของคนเกิดปีจอได้แก่คนที่เกิดในปี พ.ศ. 2465 พ.ศ. 2477 พ.ศ. 2489 พ.ศ. 2501พ.ศ. 2513 พ.ศ. 2525 พ.ศ. 2537 พ.ศ. 2549 พ.ศ. 2561 พ.ศ. 2573 พ.ศ. 2585 และ พ.ศ. 2597 ปีจอ เป็นชื่อปีที่ 11 ของรอบปีนักษัตร มีสัญลักษณ์เป็นหมา

พระธาตุพระเกศแก้วจุฬามณีสำหรับคนเกิดปีจอ(สุนัข) ที่วัดเกตการาม
พระธาตุพระเกศแก้วจุฬามณีสำหรับคนเกิดปีจอ(สุนัข) ที่วัดเกตการาม

ตามพุทธประวัติกล่าวไว้ว่า พระธาตุเกศแก้วจุฬามณีนั้น ตั้งอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระทันตธาตุของพระพุทธเจ้า และตามความเชื่อของพุทธศาสนิกชนเถรวาท จุฬามณีเจดีย์ เป็นเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ที่บรรจุพระจุฬาพระโมลีและพระเขี้ยวแก้วของพระโคตมพุทธเจ้า และด้วยที่พระธาตุเจดีย์องค์นี้คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถเดินทางไปถึงได้ จึงสามารถมาบูชา พระเจดีย์ ที่วัดเกตการาม จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีชื่อพ้องกับพระเกศแก้วจุฬามณีเจดีย์แทนได้นั่นเอง

พระบรมสารีริกธาตุ เรียกโดยย่อว่าพระบรมธาตุ คือ พระอัฐิของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์ได้ทรงอธิษฐานไว้ก่อนปรินิพพาน ให้คงเหลือไว้หลังจากการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชน
ชาวพุทธเชื่อว่าพระบรมสารีริกธาตุ เป็นวัตถุแทนองค์พระบรมศาสดาที่ทรงคุณค่าสูงสุดในศาสนาพุทธ จึงนิยมกระทำการบูชาองค์พระบรมสารีริกธาตุ

สถานที่ปรินิพพานของพระพุทธองค์ อยู่ในพระราชอุทยานของเจ้ามัลละฝ่ายเหนือแห่งกุสินารา สวนป่าไม้สาละ ป่าแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำหิรัญญวดี เป็นป่าไม้สาละร่มรื่น
พระองค์ทรงเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ระหว่างใต้ต้นสาละคู่ ณ สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ ในปัจฉิมยามแห่งราตรีวิสาขปรุณมีเพ็ญเดือน 6 ขณะมีพระชนมายุ 80 พรรษา

วัดเกตการาม
วัดเกตการาม
วัดเกตการาม
วัดเกตการาม

ประวัติวัดเกตการาม(วัดเกศ)

วัดเกตเป็นวัดเก่าแก่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิง ประวัติวัดบอกว่าสร้างในปี พ.ศ. 1921 ในสมัยกษัตริย์ราชวงศ์มังราย พระธาตุวัดเกตเป็นที่ประดิษฐานของพระเกศาธาตุ ชาวบ้านเรียกว่า พระธาตุเกศแก้วจุฬามณี ถือเป็นการจำลองพระเกศแก้วจุฬามณีจากสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มาไว้ในโลกมนุษย์ ดังนั้นจึงสร้างให้ยอดพระธาตุเอียง เพื่อมิให้ยอดชี้ขึ้นไปตรงกับองค์ที่อยู่บนสวรรค์เพราะถือว่าเป็นการไม่สมควร นอกจากนี้ยังมีความเชื่อตามตำราโบราณที่ว่าคนเราที่เกิดมาในโลกนี้เมื่อสิ้นอายุขัย ดวงวิญญาณจะไปสถิตอยู่ตามพระธาตุเจดีย์ต่างๆ ตามปีที่เกิด และขณะที่ยังมีชีวิตอยู่หากได้ไปนมัสการพระธาตุประจำปีเกิด ถือได้ว่าเป็นบุญกุศลและทำให้อายุมั่นคงยืนยาว สำหรับพระธาตุวัดเกตถือเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีจอ และพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ 

วัดเกตการาม
วัดเกตการาม
วัดเกตการาม
วัดเกตการาม
วัดเกตการาม
วัดเกตการาม
วัดเกตการาม
วัดเกตการาม

บทสวดบูชา นมัสการพระธาตุเกศแก้วจุฬามณี

(กล่าวนะโม 3 จบ)

ตาวะติงสายะ ปุรัมเม เกสะจุฬามะณี สะรีระปัพพะตา ปูชิตา สัพพะเทวานัง
ตัง สิระสาธาตุ อุตตะมัง อะหังวันทามิ สัพพะทา. (3 จบ)

บทสวดบูชา นมัสการพระธาตุเกศแก้วจุฬามณี
บทสวดบูชา นมัสการพระธาตุเกศแก้วจุฬามณี

การเดินทางไปวัดเกตการาม

ประตูเล็ก วัดเกตการาม
ประตูเล็ก วัดเกตการาม

วัดเกตการาม ตั้งอยู่บนถนนเจริญราษฎร์ หากมาจากตัวเมืองก็ข้ามสะพานนวรัฐ เลี้ยวซ้ายตรงคอสะพานแล้วขับเลียบแม่น้ำปิงโดยจะผ่านร้านอาหารกู๊ดวิว ขับรถตรงไปก็จะพบสามแยกให้เลี้ยวขวาตามถนนเข้าไปก็จะพบ วัดเกตการามหากไม่เลี้ยวขวาก็หาที่จอดริมถนน แล้วเดินเข้าประตูเล็กที่อยู่ติดกับถนนเจริญราษฎร์ได้เลย (ประตูเล็กจะอยู่ตรงกับสะพานเดินข้ามน้ำปิง มองเห็นวิวแม่น้ำปิงและตลาดวโรรสอยู่ฝั่งตรงข้าม)

เที่ยวเชียงใหม่ใน 1 วัน One Day Trip in Chiangmai

เชียงใหม่เป็นจังหวัดทางภาคเหนือ ของประเทศไทยที่มีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเยอะมากมายหลายที่ เพราะด้วยภูมิประเทศที่ล้อมรอบด้วยภูเขา บรรยากาศที่สวยงาม มีความเป็นเอกลักษณ์ของประเพณีวัฒนธรรม จึงทำให้จังหวัดเชียงใหม่มีเสน่ห์น่าค้นหา ไปกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ โดยเฉพาะเมื่อถึงฤดูหนาวนักท่องเที่ยวไม่พลาดที่จะมารับลมหนาวและ อากาศสดชื่นที่เชียงใหม่ เชียงใหม่แบ่งเขตการปกครองเป็น 25 อำเภอ ซึ่งแต่ละอำเภอมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายที่ด้วยกัน หากมาเที่ยวเชียงใหม่ครั้งเดียวคงไม่พออย่างแน่นอน ต้องกลับมาเที่ยวซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจังหวัดเชียงใหม่จึงเป็นจังหวัดยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ที่มาเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี

One Day Trip in Chiangmai
One Day Trip in Chiangmai

ครั้งนี้เป็นการมาเที่ยวเชียงใหม่ของเราเป็นครั้งที่ 4 แล้ว และก็คงมาอีกในครั้งที่ 5 6 7 8 9…. ต่อไปเรื่อยๆ ทริปนี้มาเชียงใหม่ 1 วัน เพราะมีตั๋วบุฟเฟต์ของสายการบินแอร์เอเชีย ที่สามารถเดินทางได้ไม่จำกัด ในระหว่างช่วงโปรโมชั่นที่ทางแอร์เอเชียกำหนดไว้ อย่างที่รู้ๆ กันว่า ช่วงหน้าหนาวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นช่วงไฮซีซั่นของจังหวัดทางภาคเหนือ

เนื่องจากมาเที่ยวเชียงใหม่หลายครั้งแล้ว ทริปนี้จึงลองมาเที่ยวแบบ 1 วันดูบ้าง เราจองตั๋วบินในช่วงเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ ที่ 23 มกราคม 2565 และเลือกไฟลท์บินกลับเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองกรุงเทพฯ ไปยังสนามบินเชียงใหม่ ใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมงนิดๆ ก็ไปถึงปลายทาง ซึ่งจะมีเวลาท่องเที่ยวและเดินทางในเชียงใหม่ ประมาณ 12 ชั่วโมง เป้าหมายการเดินทางในครั้งนี้คือ ม่อนจ๊อด เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในเชียงใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในช่วงนี้ ม่อนจ๊อดตั้งอยู่ที่อำเภอแม่ริม

เราเช็คระยะทางจากเมืองเชียงใหม่ไปม่อนจ๊อดจาก Google มีระยะทางห่างประมาณ 30 กิโลเมตร ซึ่งไม่ไกลมาก การเดินทางเที่ยวในเชียงใหม่ครั้งนี้เราใช้บริการเช่ารถมอเตอร์ไซค์ในเมืองเชียงใหม่เพื่อใช้สำหรับการเดินทางไปม่อนจ๊อดเพื่อความสะดวก ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซค์ราคาอยู่ที่ ประมาณ 200-400 บาท/วัน ขึ้นอยู่กับรุ่นรถที่เลือก สามารถหาร้านเช่ามอร์เตอร์ไซค์ในตัวเมือง หรือ บางร้านก็สามารถจองผ่านทางเฟสบุ๊คได้ โดยให้ทางร้านมาส่งและรับรถได้ที่สนามบิน ซึ่งสะดวกมากๆ

ม่อนจ๊อด เชียงใหม่
ม่อนจ๊อด เชียงใหม่

ลงเครื่องบินที่สนามบินเชียงใหม่เวลา ประมาณ 8.00 น. อากาศเช้าวันนี้อยู่ที่ 14 องศา อากาศกำลังเย็นสบายเลยทีเดียว เมื่อรับรถมอร์เตอร์ไซค์เรียบร้อยแล้ว ก่อนเริ่มเดินทางก็ต้องหาร้านทานข้าวสำหรับมื้อเช้าก่อน เราหาข้อมูลจาก Google มีร้านแนะนำอยู่หลายร้านด้วยกัน เราเลือกไปทานมื้อเช้าที่ร้านโกเผือกโกดำ ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเส้นทางเส้นเดียวกับที่จะเดินทางไปที่อำเภอแม่ริม ร้านโกเผือกโกดำเป็นที่นิยมของวัยรุ่น รอคิวอยู่ประมาณ 30 นาที ถึงจะได้ที่นั่ง ราคาอาหารอยู่ที่ประมาณ 30-60 บาท/จาน รสชาติอาหาร 7/10 คะแนน

ร้านโกเผือกโกดำ เชียงใหม่
ร้านโกเผือกโกดำ เชียงใหม่
ร้านโกเผือกโกดำ เชียงใหม่
ร้านโกเผือกโกดำ เชียงใหม่

เส้นทางการเดินทางไปอำเภอแม่ริมจะผ่านแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมหลายที่ด้วยกัน รวมทั้งโรงแรมรีสอร์ทดังๆ สถานที่ท่องเที่ยว เช่น วัดป่าดาราภิรมย์ ห้วยตึงเฒ่า ปางช้างแม่สา น้ำตกแม่สา โป่งแยง ซิปไลน์ แอนด์ จังเกิ้ล โคสเตอร์ คุ้มเสือแม่ริม สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ม่อนแจ่ม ม่อนจ๊อด ฯลฯ

ขับรถไปไม่นานจะเห็นทางเข้าวัดป่าดาราภิรมย์ ตั้งอยู่ด้านขวามือ ซึ่งต้องกลับรถไป และเมื่อขับตรงไปอำเภอแม่ริม จะเจอป้ายทางเข้าห้วยตึงเฒ่า ซึ่งอยู่ฝั่งซ้ายมือ เราเลือกแวะเที่ยวที่ห้วยตึงเฒ่าเพราะยังไม่เคยไป จากถนนใหญ่เลี้ยวซ้ายตรงป้ายทางเข้า ขับตรงไปเรื่อยๆ ไม่นานก็จะเจอด่านเพื่อซื้อตั๋วเข้าไปที่ห้วยตึงเฒ่า ราคา 20 บาท

ห้วยตึงเฒ่า เชียงใหม่
ห้วยตึงเฒ่า เชียงใหม่

ห้วยตึงเฒ่าเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ มีร้านอาหารตั้งอยู่รอบๆ อ่างเก็บน้ำ อยู่หลายร้านด้วยกัน จุดเด่นที่ห้วยตึงเฒ่าก็จะเป็นรูปจำลองสัตว์ต่างๆ ขนาดใหญ่ ทำด้วยฟางข้าว ตั้งโดดเด่นอยู่กลางทุ่งนา

ห้วยตึงเฒ่า เชียงใหม่
ห้วยตึงเฒ่า เชียงใหม่
ห้วยตึงเฒ่า เชียงใหม่
ห้วยตึงเฒ่า เชียงใหม่
ห้วยตึงเฒ่า เชียงใหม่
ห้วยตึงเฒ่า เชียงใหม่

เมื่อเที่ยวชมห้วยตึงเฒ่าจนพอใจแล้ว ขับรถออกมาถนนใหญ่ แล้วเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าสู่อำเภอแม่ริม เส้นทางในอำเภอแม่ริมเป็นทางขึ้นลงดอยตลอดเส้นทาง เส้นทางลาดยางตลอดทาง ขับรถง่ายสะดวก ขับมาเรื่อยๆ จะเจอป้ายน้ำตกแม่สา เราแวะเที่ยวที่นี่เพราะยังไม่เคยมา

น้ำตกแม่สา เชียงใหม่
น้ำตกแม่สา เชียงใหม่

น้ำตกแม่สาตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เป็นน้ำตกธรรมชาติที่สวยงาม น้ำตกมีทั้งหมด 10 ชั้น มีเส้นทางเดินป่าที่สะดวกสบาย มีค่าธรรมเนียมในการเข้าชม 20 บาท

น้ำตกแม่สา เชียงใหม่
น้ำตกแม่สา เชียงใหม่

เดินทางเที่ยวพักผ่อนที่น้ำตกแม่สาเสร็จแล้ว เดินทางต่อไปที่ม่อนจ๊อด ขับรถตรงไปเรื่อยๆ จะเจอป้ายบอกทางเพื่อไปม่อนจ๊อด (MON JODD) ตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นไปบนม่อนแจ่ม ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม เพียงเลี้ยวขวาเข้าไปจากถนน 1096 (แม่ริม-สะเมิง) ขับตรงไปเรื่อยๆ บนถนนเส้นเล็ก ก็จะเจอทางแยกให้เลือกเลี้ยวซ้ายมือ ขับตรงไปก็จะเจอประตูสีดำทางเข้าม่อนจ๊อด ก็จะได้พบกับบรรยากาศเหมือนอยู่ทางยุโรป มีทะเลสาบด้านหน้า ด้านหลังเป็นภูเขา มีสวนดอกไม้ อาคารสไตล์ยุโรป รถโบราณสวยๆ ที่สำคัญยังมีจุดถ่ายรูปสวยๆ ให้ได้โพสท่าถ่ายรูปกันแบบเต็มที่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติกึ่งพิพิธภัณฑ์สุดวินเทจ แห่งใหม่ของจังหวัดเชียงใหม่

ม่อนจ๊อด เชียงใหม่
ม่อนจ๊อด เชียงใหม่
ม่อนจ๊อด เชียงใหม่
ม่อนจ๊อด เชียงใหม่
ม่อนจ๊อด เชียงใหม่
ม่อนจ๊อด เชียงใหม่
ม่อนจ๊อด เชียงใหม่
ม่อนจ๊อด เชียงใหม่
ม่อนจ๊อด เชียงใหม่
ม่อนจ๊อด เชียงใหม่

เราใช้เวลาอยู่ที่ม่อนจ๊อดอยู่นาน เพราะพื้นที่กว้างขวาง มีมุมสวยงามให้ถ่ายรูปเยอะ ประทับใจกับบรรยากาศการตกแต่งของพื้นที่และอากาศสดชื่นที่ม่อนจ๊อดมากๆ

ถึงเวลาที่ต้องเดินทางกลับเข้าเมืองเชียงใหม่แล้ว ระหว่างทางขับรถกลับจะมีสวนสตรอเบอรี่อยู่หลายสวน ให้เลือกซื้อเป็นของฝาก หรือจะไปเก็บสตรอเบอรี่ด้วยตัวเองก็ได้เช่นกัน

กลับมาถึงเมืองเชียงใหม่ราวๆ บ่าย 4 โมงกว่าๆ ยังมีเวลาเหลือก่อนที่จะเดินทางขึ้นเครื่อง เราเลยไปที่วัดเกตการาม เพื่อสักการะพระธาตุเจดีย์เกษแก้วจุฬามณี ซึ่งเป็นพระธาตุสำหรับคนเกิดปีจอ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิง ในตัวเมืองเชียงใหม่ ตั้งอยู่บนถนนเจริญราษฎร์ จากตัวเมืองก็ข้ามสะพานนวรัฐ เลี้ยวซ้ายตรงคอสะพาน แล้วขับเลียบแม่น้ำปิง

วัดเกตการาม เชียงใหม่
วัดเกตการาม เชียงใหม่
วัดเกตการาม เชียงใหม่
วัดเกตการาม เชียงใหม่
พระธาตุเจดีย์เกษแก้วจุฬามณี วัดเกตการาม เชียงใหม่
พระธาตุเจดีย์เกษแก้วจุฬามณี วัดเกตการาม เชียงใหม่

ปิดท้ายทริปวันนี้ด้วยการไปซื้อของฝากที่ตลาดวโรรส กินข้าวซอยไก่ และไปเดินเที่ยวถนนคนเดินที่ประตูท่าแพ ก่อนจะคืนรถมอร์เตอร์ไซค์ และเดินทางกลับกรุงเทพฯ

ข้าวซอยไก่
ข้าวซอยไก่

เที่ยวอุดรอย่าลืมมาสักการะท้าวเวสสุวรรณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอุดร

เมืองอุดรธานีมีองค์ท้าวเวสสุวรรณ เป็นตราประจำจังหวัดอุดรธานี​ องค์ท้าวเวสสุวรรณ ตั้งอยู่ที่ศาลหลักเมือง หรือ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นศูนย์รวมความเคารพและความศรัทธาของชาวเมืองอุดรธานี และตามสถานที่สำคัญต่างๆ ในตัวจังหวัด มักจะมีรูปขององค์ท้าวเวสสุวรรณประดับประดาอยู่โดยทั่วไป ภายในบริเวณศาลหลักเมืองอุดรธานี ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญอื่นๆ อันเป็นที่เลื่อมใสบูชาได้แก่ หลวงพ่อพระพุทธโพธิ์ทอง และ ท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งมีความเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ และความเป็นสิริมงคล

ภายในบริเวณศาลหลักเมือง
ภายในบริเวณศาลหลักเมือง
ศาลหลักเมือง จ.อุดรธานี
ศาลหลักเมือง จ.อุดรธานี
ศาลหลักเมืองอุดรธานี
ศาลหลักเมืองอุดรธานี
หลวงพ่อพระพุทธโพธิ์ทอง
หลวงพ่อพระพุทธโพธิ์ทอง

ผู้ที่บูชาองค์ท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร มีความเชื่อกันว่า บุคคลผู้ใดห้อยบูชาท้าวเวสสุวรรณ จะบังเกิดโชคลาภมากมาย ร่ำรวยเงินทอง มีกินมีใช้ไม่ขาดมือ สามารถแก้ปีชง เสริมปีชง เพราะท่านเป็นเทพแห่งปีชง ช่วยป้องกันภัยจากสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็น ป้องกันภูติ ผีวิญญาณต่างๆ ไม่กล้ามาทำอันตรายใดๆ ให้กับตนเองและคนในครอบครัว เพราะภูติผีปีศาจ ยักษ์ เป็นบริวารท้าวเวสสุวรรณ คนที่มีลูกเพิ่งคลอด หรือมีเด็กเล็ก มักนิยมบูชาท้าวเวสสุวรรณ นำไปตั้งไว้ตรงที่เด็กนอนหลับ เพราะมีความเชื่อว่าภูติผีปีศาจจะไม่กล้ามารบกวนเด็ก เพราะท้าวเวสสุวรรณเป็นผู้ปกครองแห่งภูติผีปีศาจนั่นเอง

ท้าวเวสสุวรรณ
ท้าวเวสสุวรรณ

ท้าวกุเวรหรือ ท้าวเวสสุวรรณ เป็นหนึ่งในท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ที่ปกป้องคุ้มครองดูแลโลกมนษุย์ ประจำทิศอุดร (เหนือ) เป็นเทพเจ้าแห่งอสูรยักษ์ รวมถึงภูตผีปีศาจ เป็นพญายักษ์เจ้าแห่งขุมทรัพย์ เทพแห่งความร่ำรวย ตามตำนานเชื่อกันว่าในอดีตชาติท่านเคยเป็นพราหมณ์ที่ใจบุญ เปิดโรงงานค้าขายหีบอ้อยจนร่ำรวย และมักจะบริจาคเงินทองให้แก่ผู้ยากไร้ ด้วยบุญกุศลที่ท่านบำเพ็ญมา พระพรหมและพระอิศวร จึงให้พรความเป็นอมตะแก่ท่าน เป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติทั่วปฐพี และเป็นเทพแห่งความร่ำรวย ดังนั้นผู้คนจึงนิยมกราบไหว้บูชาท่าน

ในตำราโบราณได้กล่าวไว้ว่าผู้ใดต้องการ ความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา สูงสุดทางมหาเศรษฐีมีทรัพย์ ลาภยศ สรรเสริญ เงินทองไหลมาไม่ขาดสาย และขจัด ภูตผีปีศาจ สิ่งอัปมงคลไม่กล้าเข้ามารบกวน ให้บูชารูปองค์ท้าวเวสสุวรรณ

ท้าวเวสสุวรรณ
ท้าวเวสสุวรรณ

คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ

ตั้ง นะโม 3 จบ

อิติปิโสภะคะวา ยมมะราชาโน ท้าวเวสสุวรรณโณมรณังสุขัง อะหังสุคะโต นะโมพุทธายะท้าวเวสสุวรรณโณ จตุมหาราชิกา ยักขะพันตา ภัทภูริโตเวสสะ พุสะ พุทธัง อะระหัง พุทโธ ท้าวเวสสุวรรณโณ นะโมพุทธายะ

ท้าวเวสสุวรรณ
ท้าวเวสสุวรรณ

วิธีบูชาท้าวเวสสุวรรณ

จุดธูปสักการะ 9 ดอก และถวายดอกกุหลาบสีแดง 9 ดอก แล้วตั้งนะโม 3 จบ ระลึกถึงคุณบิดา มารดา และครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ที่ประสิทธิประสาทวิชามา แล้วระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วท่องคาถาท้าวเวสสุวรรณ ผู้ที่ได้บูชาด้วยการกราบไหว้และนำคุณธรรมของตัวท่านไปปฏิบัติ จะช่วยส่งผลให้เจริญก้าวหน้า และร่ำรวย มีความสุข

เดินทางด้วยรถไฟฟ้า MRT ไปวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม

วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เดิมชื่อวัดแหลม หรือ วัดไทรทอง ต่อมาได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4)ให้ใหม่ว่า วัดเบญจบพิตร ซึ่งหมายถึง วัดของเจ้านาย 5 พระองค์ ชื่อเต็มคือ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร เป็นวัดประจำพระราชวังดุสิต วัดเบญจมบพิตรฯ ตั้งอยู่ที่ถนนศรีอยุธยา บริเวณถนนพระรามที่ 5 แขวงดุสิต เขตดุสิต กทม. สามารถเข้าเยี่ยมชมได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 8.30 – 17.30 น.

วัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม
วัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม

การเดินทางไปวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT

รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน MRT สถานีสามยอด
รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน MRT สถานีสามยอด

เนื่องจากวัดเบญจมบพิตร ไม่ได้อยู่ในเส้นทางรถไฟฟ้า สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่อยู่บริเวณใกล้เคียงที่สุดคือ นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน มาลงที่สถานีสามยอด เลือกออกทางออกประตู 1 จากนั้นต่อด้วยรถแท็กซี่ ค่าโดยสารประมาณ 60 บาท กรณีที่การจราจรปกติไม่หนาแน่น

กรณีที่ขับรถไปเองสามารถจอดรถได้ที่ลานจอดรถบริเวณหน้าวัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม

 รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน MRT สถานีสามยอด เลือกออกทางออกที่ 1
รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน MRT สถานีสามยอด เลือกออกทางออกที่ 1
วัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม
วัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม
วัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม
วัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม

ประวัติวัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม

วัดเบญจบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร WAT BENCHAMABOPHIT DUSIT WANARAM RATCHAWORAWIHAN เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร เดิมเป็นวัดเก่าแก่เล็กๆ มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ชื่อว่า วัดแหลม เพราะตั้งอยู่ปลายแหลมของที่สวนติดกับทุ่งนา และมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดไทรทอง เนื่องจากมีต้นไทรทองปรากฏอยู่ให้เห็น เมื่อปี พ.ศ. 2370 พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ พระราชโอรสในรัชกาลที่2 ได้ทรงตั้งกองทัพรับกบฏเจ้าอนุวงศ์ที่วัดนี้ หลังจากเสร็จจากการปราบกบฎแล้ว ได้ทรงปฎิสังขรวัด พร้อมกับสร้างพระเจดีย์ไว้เป็นอนุสรณ์ 5องค์ เรียงรายอยู่หน้าวัด ต่อมารัชกาลที่4 ได้พระราชทานนามใหม่ว่า วัดเบญจมบพิตร

ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2442 รัชกาลที่ 5 ทรงสร้างสวนดุสิตและพระราชวังดุสิต กินเนื้อที่ของวัดทำให้วัดมีพื้นที่น้อยลง ประกอบกับวัดกำลังมีสภาพทรุดโทรม พระองค์จึงทรงสถาปนาวัดใหม่ พร้อมกับเปลี่ยนนามวัดเป็น วัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม หมายถึงวัดของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ 5 ตั้งอยู่ใกล้สวนดุสิตอันเป็นพระราชฐาน พระอุโบสถทั้งหลัง สร้างด้วยหินอ่อน จากประเทศอิตาลี มีพระประธานเป็นพระพุทธชินราชจำลองมาจากองค์จริงที่จังหวัดพิษณุโลก

พระรูปจำลองรัชกาลที่ 5 ที่วัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม
พระรูปจำลองรัชกาลที่ 5 ที่วัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม
วัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม
วัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม
วัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม
วัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม

พระอุโบสถ เป็นอาคารทรงจตุรมุข มีมุขเด็จยื่นออกมาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง หลังคาซ้อนกัน 5 ชั้น มุงกระเบื้องกาบูสีเหลืองเป็นกาบโค้ง

วัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม
วัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม
วัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม
วัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม
พระประธาน พระพุทธชินราชจำลองจากองค์จริง จังหวัดพิษณุโลก
พระประธาน พระพุทธชินราชจำลองจากองค์จริง จังหวัดพิษณุโลก
โพธิมณฑลพุทธาณุสรณ์ สัตตมหาสถาน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
โพธิมณฑลพุทธาณุสรณ์ สัตตมหาสถาน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่รัชกาลที่ 5 ทรงปลูก
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่รัชกาลที่ 5 ทรงปลูก

ปี พ.ศ.2434 สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพได้เสด็จไปราชการที่ประเทศอินเดีย และได้หน่อต้นพระศรีมหาโพธิ 3 ต้นจากพุทธคยา และได้ถวายต่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาปี พ.ศ. 2442 ขณะที่ทรงสร้างวัดเบญจมบพิตร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงนำ 1 ใน 3 ต้น มาปลูกไว้ที่สนามหญ้าด้านหลังพระอุโบสถ

หอระฆังบวรวงศ์ วัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม
หอระฆังบวรวงศ์ วัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม

หอระฆังบวรวงศ์ เป็นหอระฆังทรงไทย หลังคาลดชั้น มุงกระเบื้องเคลือบสี ผนังด้านนอกประกอบด้วยหินอ่อน สร้างด้วยทุนทรัพย์และวัสดุก่อสร้าง ของผู้ที่เกี่ยวเนื่องกับพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) และโปรดเกล้าฯ ให้นำระฆังจากวัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) ซึ่งเป็นวัดประจำพระราชวังบวรสถานมงคล จึงทรงตั้งชื่อหอระฆังนี้ว่า หอระฆังบวรวงศ์

พระที่นั่งทรงผนวช
พระที่นั่งทรงผนวช

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้รื้อพระที่นั่งทรงผนวชองค์เดิม จากพุทธรัตนสถาน ที่สวนศิวาลัย ภายในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งพระองค์เคยประทับในคราวทรงผนวช เมื่อ พ.ศ.2416 มาปลูกสำหรับเป็นกุฏิเจ้าอาวาสวัดเบญจบพิตรดุสิตวนาราม ลักษณะเป็นหมู่กุฏิประกอบด้วย พระที่นั่งทรงผนวช อยู่ด้านทิศเหนือ พระกุฏิ อยู่ด้านทิศใต้ กับกุฏิ 2 ห้อง 2 หลัง อยู่ด้านตะวันออก และตะวันตก มีหอเสวยกลาง มีลานหินอ่อนโดยรอบ ภายในพระที่นั่งทรงผนวช มีพระแท่นบรรทม พระบรมรูป เมื่อครั้งทรงผนวช พระบรมรูปสลักหินอ่อน พระพุทธรูป พระเสลี่ยงน้อย ที่ผนังเขียนภาพจิตรกรรมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ พระราชประวัติ พระราชจริยาวัตร ขนบธรรมเนียมประเพณีในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จำนวน 20 ภาพ

พระที่นั่งทรงผนวช
พระที่นั่งทรงผนวช
พระที่นั่งทรงธรรม
พระที่นั่งทรงธรรม
ศาลาบัณณรศภาค สร้างเมื่อปีรัตนโกสินทร์ศก 119
ศาลาบัณณรศภาค สร้างเมื่อปีรัตนโกสินทร์ศก 119
สะพานพระรูป
สะพานพระรูป
สะพานพระรูป
สะพานพระรูป
ศาลาหม่อมเฉื่อย
ศาลาหม่อมเฉื่อย