ซาลามัต ดาตัง(Salamat Datang) คำกล่าวสวัสดีของคนมาเลเซีย ทริปการเดินทางครั้งนี้เป้าหมายการท่องเที่ยวคือเมืองหลวงของประเทศมาเลเซีย ซึ่งก็คือ กรุงกัวลาลัมเปอร์ (Kuala Lumpur) นั่นเอง มาเลเซียเป็นอีกหนึ่งประเทศเพื่อนบ้านของไทย ซึ่งมีพรหมแดนติดเขตชายแดนทางด้านภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งได้แก่จังหวัดสงขลา นราธิวาส ยะลา และจังหวัดสตูล
จุดผ่านแดนบริเวณชายแดนไทย- มาเลเซีย จุดผ่านแดนถาวร9 แห่ง คือ
1.ด่านสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา ไทย ติดกับ ด่านบูกิตกายฮูิตัม รัฐเคดาห์ มาเลเซีย
2.ด่านปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ไทย ติดกับ ด่านปาดังเบซาร์ รัฐเปอร์ลิส มาเลเซีย
3.ด่านบ้านประกอบ อ.นาทวี จ.สงขลา ไทย ติดกับ ด่านบ้านดูเรียนบูรง อ.ปาดังเตอรับ รัฐเกดะห์ มาเลเซีย
4.ด่านสุไหงโกลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ไทย ติดกับ ด่านรันตูปันยัง รัฐกลันตัน มาเลเซีย
5.ด่านตากใบ (ท่าเรือ) อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ไทย ติดกับ ด่านเป็งกาลันกูโบ รัฐกลันตัน มาเลเซีย
6.ด่านบูเก๊ะตา อ.แว้ง จ.นราธิวาส ไทย ติดกับ ด่านบูกิตบุหงา รัฐกลันตัน มาเลเซีย
7.ด่านเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ไทย ติดกับ ด่านบูกิตบือราปิต รัฐเคดาห์ มาเลเซีย
8.ด่านวังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล ไทย ติดกับ ด่านวังเกลียน รัฐเปอร์ลิส มาเลเซีย
9.ด่านสตูล(ท่าเรือ) อ.เมืองสตูล จ.สตูล ไทย ติดกับ ท่าเรือกัวลาเปอร์ลิส รัฐเปอร์ลิส,ท่าเรือเจตตีกัว ลังกาวี
รัฐเคดาห์, ท่าเรือเทลก อีกวา ลังกาวี รัฐเคดาห์ มาเลเซีย
การเดินทางครั้งนี้เดินทางมาเที่ยว 3วัน 2 คืน ในช่วงวันหยุด 12-14 สิงหาคม 2565 ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ สนามบินดอนเมือง บินตรงสู่ สนามบิน KLIA2 (สนามบินสำหรับสายการบินโลวคอส) กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยสายการบินแอร์เอเชีย เวลาที่ประเทศมาเลเซียจะเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงก็มาถึงปลายทางสนามบินเมืองกัวลาลัมเปอร์
เมื่อออกจากเครื่องแล้ว เดินออกมาตามเส้นทางก่อนจะถึงจุดตรวจคนเข้าเมือง จะเจอร้านขายซิมการ์ดโทรศัพท์ทางด้านขวามือ ราคาซิม 30 ริงกิต (ค่าเงินมาเลเซีย 1 ริงกิต ประมาณ 8 บาทไทย) แพ็คเกจระยะเวลาการใช้งาน 7 วัน เน็ตอัลลิมิเต็ด โทรภายในประเทศได้ฟรี
เมื่อมาถึงจุดตรวจคนเข้าเมือง ยื่นพาสปอร์ตแก่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้สอบถามอะไรมากมาย ถามเพียงแค่เดินทางกลับวันไหน มาเที่ยวกี่วัน แล้วขอให้แสดงตั๋วเดินทางกลับให้ดู ก็ผ่านไปได้ด้วยดี
จากสนามบิน KLIA2 เดินออกมาที่ประตู 5 (Door5) เพื่อเรียกใช้บริการ Grab ซึ่งใช้แอพเดียวกันกับ Grab ของไทย ใช้งานได้ง่ายและสะดวก ทริปนี้เดินทางมาเที่ยวด้วยกัน 4 คน การใช้ Grab ในการเดินทางจึงถูกกว่าการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะอื่น ๆ เป้าหมายปลายทางคือ โรงแรม Hotel Royal Kuala Lumpur ย่านบูกิตบินตัง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึงโรงแรม ค่าเดินทางด้วย Grab ครั้งนี้คือ 72.20 ริงกิต รวมค่าทางด่วนแล้ว
โรงแรม Hotel Royal Kuala Lumpur ตั้งอยู่ที่ย่านบูกิตบินตัง มีการเดินทางที่สะดวกทั้งรถไฟฟ้า Monorail (สถานีบูกิตบินตัง) และ รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT (สถานีบูกิตบินตัง) ย่านบูกิตบินตังเปรียบได้กับย่านสยามสแควร์เมืองไทย เพราะย่านนี้มีห้างดังๆ อยู่หลายห้าง มีร้านอาหารชื่อดังในย่านนี้มากมายหลายร้าน เป็นแหล่งรวมตัวของวัยรุ่น และผู้คน เมื่อเช็คอินและเก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เดินออกมาสำรวจพื้นที่รอบ ๆ และทานอาหารมื้อเที่ยง เพราะมาถึงในช่วงบ่ายๆ ทุกคนเริ่มรู้สึกหิว
โรงแรม Hotel Royal Kuala Lumpur จองผ่านอโกด้าได้ราคาประมาณ 1,500 บาท เป็นราคารวมมื้อเช้า /1 คืน เป็นห้องดีลักซ์ เตียงแฝดพักได้ห้องละ 2 คน
ร้านอาหารร้านแรกสำหรับมื้อเที่ยงของพวกเราอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก เดินไปทางฝั่งห้าง LOT10 ประมาณ 100 เมตร เลี้ยวขวาเข้าซอยไปนิดนึงก็เจอร้านอาหารมาเลเซีย ชื่อร้าน CAPITOL CAFE
จานนี้เรียกได้ว่าเป็นอาหารประจำชาติมาเลเซียเลยก็ว่าได้ นาซิ ลามัก (Nasi lemak) ราคาประมาณจานละ 22 ริงกิต
โดยรวมรสชาติอาหารร้านนี้ทุกคนให้ความเห็นกันว่าอาหารอร่อยทุกอย่าง แต่เพราะด้วยมีระยะเวลามาเที่ยวระยะสั้น จึงไม่ได้กลับมากินซ้ำอีกครั้ง แต่ถ้ามีโอกาสได้กลับไปเที่ยวกรุงกัวลาลัมเปอร์อีกก็จะเป็นอีกหนึ่งร้านที่นึกถึงและกลับไปกินอีกครั้งแน่นอน
เมื่อทานมื้อเที่ยงกันเสร็จแล้ว เดินเที่ยวชมบริเวณย่านนี้ไปเรื่อยๆ จนมาเจอร้านขนมหวานร้านนึงมีคนต่อแถวยาว ขนมสวยน่าทาน ดูน่าสนใจ เลยสั่งมาลองชิมรสชาติกันดู
สั่งมาชิมดูอย่างละชิ้น ขนมหวานรสชาติไม่ค่อยถูกใจมากเท่าไหร่ ชิ้นแรกหวานเจี๊ยบ ชิ้นที่สองลักษณะเหมือนฝอยทองรสชาติมันๆจืดๆ ราดด้วยน้ำหวานที่ให้มา
หลังจากที่เดินเที่ยวย่านบูกิตบินตัง เดินเข้าออกอยู่หลายห้าง จนพอใจแล้วก็ออกเดินทางไปที่ตึกแฝดปิโตรนาส โดยใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีบูกิตบินตัง ไปลงที่สถานี Pasar seni แล้วไปต่อด้วยรถไฟฟ้าสายสีแดงไปลงที่สถานี KLCC ออกจากสถานีมาก็จะเจอกับตึกปิโตรนาส
ทริปวันนี้หลักๆ คือตั้งใจจะไปถ่ายรูปกับตึกแฝดปิโตรนาส ซึ่งเป็นจุดแลนด์มาร์คของกรุงกัวลาลัมเปอร์ที่นักท่องเที่ยวมาแล้วต้องมาถ่ายรูปเหมือนมาเช็คอินว่ามาถึงแล้วนะกัวลาลัมเปอร์
มาถึงที่ตึกปิโตรนาสในช่วงสี่โมงเย็น อากาศวันนี้ท้องฟ้าครึ้ม มีฝนตกลงมานิดหน่อย ทำให้ถ่ายรูปตึกได้ไม่สวย และบริเวณด้านหน้าตึกตรงลานน้ำพุมีนักท่องเที่ยวมายืนถ่ายรูปอยู่จำนวนมาก รวมทั้งมีกลุ่มพ่อค้าขายเลนส์ยืนกระจายอยู่บริเวณนั้นคอยเชื้อเชิญให้นักท่องเที่ยวลองใช้เลนส์สำหรับถ่ายรูป เมื่อมีฝนตกลงมาจึงกลับมาโรงแรมก่อนโดยยังไม่ได้รูปสวยตึกปิโตรนัส และกลับไปทานมื้อเย็นที่ย่าน Jalan Alor Food Street ซึ่งอยู่ระแวกไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก ถนน Jalan Alor เป็นแหล่งรวมร้านอาหารมาเลเซีย และมีร้านอาหารไทยอยู่หลายร้านเช่นกัน เดินลัดเลาะไปตามซอยก็จะพบกับ Street Art ตามผนังตึก ผนังกำแพง
หลังจากเดินสำรวจบริเวณนี้จนเพียงพอแล้ว เวลาประมาณทุ่มกว่าๆ จึงกลับไปที่ตึกปิโตรนาสอีกครั้งเพื่อถ่ายรูปตึกยามค่ำคืน เรียกใช้บริการ Grab อีกเช่นเดิมมีค่าบริการ 9 ริงกิต ระหว่างทางได้พูดคุยกับคนขับ Grab เขาได้แนะนำให้ไปถ่ายรูปตรงหน้าตึก PUBLIC BANK ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตึกปิโตรนาส ซึ่งจะสามารถถ่ายรูปตึกปิโตรนาสได้สวยโดยไม่ต้องใช้เลนส์ขยาย
จบทริปวันนี้ได้ถ่ายรูปตึกปิโตรนาสสวยงามตามความตั้งใจ จบทริปวันนี้ที่ตึกปิโตรนาส เรียก Grab กลับไปโรงแรมพักผ่อนเพื่อออกเดินทางต่อพรุ่งนี้ จากตึกปิโตรนาสไปโรงแรม ค่าบริการ 9 ริงกิตเช่นเดิม
เช้าวันที่2 ในกัวลาลัมเปอร์ ทานอาหารมื้อเช้าที่โรงแรมเสร็จแล้วเดินทางไปเที่ยวที่ถ้ำบาตู อาหารเช้าที่โรงแรมมีให้เลือกหลากหลายอย่างให้เลือกทาน
แผนการเดินทางท่องเที่ยววันที่สองในกัวลาลัมเปอร์ วันนี้คือไปเที่ยวชมถ้ำบาตู (Batu Caves) และเดินทางไปที่ Genting Highlands โดยเรียกใช้บริการ Grab อีกเช่นเคย เรียกรถจากโรงแรมไปถ้ำบาตู ค่ารถราคา 20 ริงกิต มีระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีก็มาถึงที่ถ้ำบาตู
ถ้ำบาตู เป็นถ้ำศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดูในมาเลเซีย มีความเชื่อกันว่าจุดด้านบนที่สูงที่สุดนั้นคือจะอยู่ใกล้กับสวรรค์ ถ้ำบาตูมีลักษณะเป็นเขาหินปูนเมื่อขึ้นไปยังจุดบนสุดจะเจอถ้ำขนาดใหญ่และมีเทวาลัยตั้งอยู่ รวมทั้งรูปเคารพอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของเทพในศาสนาฮินดูที่ประดิษฐานอยู่ภายในถ้ำ คนฮินดูให้ความเคารพและนิยมมาไหว้ขอพรเพื่อให้หายป่วย และ มาขอพรให้มีลูก
การมาเที่ยวชมที่ถ้ำบาตูแห่งนี้ควรแต่งกายด้วยความสุภาพให้ความเคารพแก่สถานที่ เพราะเป็นศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู
หลังจากใช้เวลาเยี่ยมชมที่ถ้ำบาตูจนพึงพอใจแล้ว เป้าหมายการเดินทางต่อไปก็คือ Genting Highlands จากถ้ำบาตูเดินทางไปที่ Genting Highlands มีระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร ค่ารถ 77 ริงกิต ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงก็ไปถึง Genting Highlands ระหว่างการเดินทางคนขับ Grab พูดบอกกล่าวว่าเส้นทางที่เดินทางไป Genting Highlands นั้นสามารถขับไปถึงประเทศไทยได้คือ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส เมื่อมาถึงที่ Genting Highlands แจ้งให้ Grab จอดให้ที่สถานี Cable car เพราะต้องการนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปด้านบน Genting Highlands Resort ซึ่งมีสวนสนุก และคาสิโนตั้งอยู่ ถ้าไม่ได้บอกจุดที่จะลง Grab จะไปส่งถึงด้านบน ทำให้ไม่ได้นั่งกระเช้าลอยฟ้า
มาถึง Genting Highlands ในช่วงเที่ยงกว่าแล้ว นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะเพราะเป็นวันเสาร์ เข้าแถวซื้อตั๋วขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไปด้านบน Genting Highlands ราคาตั๋วไปกลับ 18 ริงกิต/1 คน (ตั๋วใช้สำหรับแสกนทั้งขาไปและขากลับ) ระยะทางที่กระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปค่อนข้างสูง จากด้านล่างอากาศเย็นปกติมีฟ้าครึ้มๆ เมื่อกระเช้าเคลื่อนตัวสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จะเริ่มมีหมอก จนหมอกหนาขาวเลยทีเดียว อากาศเย็นสบาย สดชื่น
ด้านบน Genting Highlands มีห้างสรรพสินค้า โรงแรม ร้านอาหาร สวนสนุก คาสิโน ครบครัน ก่อนจะเดินเที่ยวชมต่อ ท้องเริ่มหิวเพราะมาถึงบ่ายแล้ว มื้อเที่ยงนี้เลือกทานอาหารที่ฟู๊ดคอร์ส เพราะมีอาหารมาเลเซียให้เลือกทานได้หลายอย่าง
เดินชมบริเวณ Genting Highlands ด้านบนหมอกยังคงหนา และอากาศเย็นสบาย เมื่อเดินเที่ยวด้านบนจนทั่วแล้ว เลยตัดสินใจนั่งกระเช้ากลับมาที่ Premium Outlets ด้านล่างเพื่อมาช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมปลอดภาษี และเดินทางกลับไปโรงแรมโดยเรียกใช้บริการ Grab จาก Genting Highlands ไปยังโรงแรม Hotel Royal Kuala Lumpur ระยะทาง 46 กิโลเมตร ค่ารถ 71 ริงกิต ใช้เวลาเดินทางกลับประมาณ 50 นาที
กลับมาพักผ่อนที่โรงแรม ก่อนที่จะออกไปทานมื้อเย็น วันนี้กลับไปทานมื้อเย็นที่ถนน Jalan Alor Food Street อีกครั้ง วันนี้มีนักท่องเที่ยวมาเดินที่ Jalan Alor Food Street ค่อนข้างหนาแน่น บรรยากาศครึกครื้น และร้านอาหารเกือบทุกร้านโต๊ะเต็มไปด้วยลูกค้าที่มารับประทานอาหาร
พวกเราเลือกร้าน CU CHA RESTUARANT ลองสั่งอาหารมา 4 จานทานคู่กับข้าวเปล่า ไม่ผิดหวังกับรสชาติอาหารเลย อาหารอร่อยทุกจาน ราคาอาหารประมาณจานละ 20-30 ริงกิต
ทานอาหารมื้อเย็นเสร็จแล้ว จบวันของวันนี้ด้วยการไปเดินชมย่านบูกิตบินตังยามค่ำคืนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากเท่าไหร่ สามารถเดินไปและกลับไปที่โรงแรมได้โดยไม่ต้องนั่งรถ นักท่องเที่ยวมาเดินเที่ยวและช้อปปิ้งย่านนี้เป็นจำนวนมาก มีคนหนาแน่นทุกพื้นที่ บรรยากาศคึกคัก มีการแสดงของกลุ่มคนที่มารวมตัวกัน คนมาเลบอกว่าย่านนี้เป็นย่านที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
วันสุดท้ายในการมาเที่ยวมาเล วันนี้มีเวลาเที่ยวประมาณครึ่งวัน เพราะตั๋วบินขากลับ ต้องไปขึ้นเครื่องที่สนามบินเวลา 17.00 น.
ตอนแรกวางแผนว่าจะไปขึ้นรถชมเมือง KL HOP ON HOP OFF เพราะมีสถานีขึ้นรถอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงแรม Hotel Royal Kuala Lumpur แต่เมื่อดูราคาตั๋วต่อคนแล้วประมาณ 55 ริงกิต ไปกัน 4 คน เท่ากับ 220 ริงกิต จึงตัดสินใจใช้บริการ Grab เพื่อไปยังสถานที่ที่ต้องการจะเที่ยวเลยดีกว่า เพราะมีเวลาที่จำกัด
ทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จแล้วออกเดินทางไปที่ Royal Museum จากโรงแรมระยะทาง 4 กิโลเมตร ค่ารถราคา 9 ริงกิต แต่เมื่อไปถึงปรากฎว่า Royal Museum ปิดทำการโดยไม่ทราบสาเหตุ
เมื่อ Royal Museum ปิดทำการ สถานที่จะเดินทางไปเที่ยวต่อไปคือปุตราจายา เป้าหมายคือมัสยิดสีชมพูปุตราจายา
ปุตราจายาเป็นเมืองใหม่และเป็นศูนย์กลางการปกครองของประเทศมาเลเซีย เรียกใช้บริการ Grab ราคา 65 ริงกิต ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีก็ไปถึงที่ปุตราจายา
เมื่อมาถึงปุตราจายา มีลักษณะเหมือนอีกเมืองนึงที่แยกตัวออกมา มีพื้นที่ใหญ่โตกว้างขวาง มีการจัดสรรพื้นที่ได้เป็นอย่างดีมากทั้งสวนสาธารณะ ถนน อาคารต่างๆ ที่ปุตราจายาเป็นแหล่งศูนย์รวมราชการที่สำคัญๆ ของมาเลเซีย เป็นเมืองที่พัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ เป็นอีกสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่คุ้มค่าที่ได้มาเที่ยวชมความเจริญของมาเลเซีย
มัสยิดสีชมพูปุตราจายา (Putra Mosque) เป็นมัสยิดคริสตัลตั้งโดดเด่นสวยงาม แต่น่าเสียดายช่วงที่มาอยู่ระหว่างการปรับปรุง มัสยิดปุตราเป็นหนึ่งในมัสยิดที่สวยที่สุดในมาเลเซีย และเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้เรื่องราวของชาวมุสลิมทั่วโลก สามารถเข้าชมได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เปิดให้ชมทุกวัน เป็นรอบๆ ก่อนเข้าชมภายในมัสยิดต้องลงทะเบียนและใส่เครื่องแต่งกายที่ทางมัสยิดได้จัดเตรียมไว้ให้
จบทริปการเที่ยวมาเลเซียครั้งนี้ที่ปุตราจายา เดินทางกลับไปโรงแรมด้วย Grab ราคา 63 ริงกิต ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึงโรงแรม เก็บกระเป๋าและแจ้งเช็คเอ้าท์ก่อนเที่ยง เมื่อเช็คเอ้าท์แล้วสามารถฝากกระเป๋าไว้กับโรงแรมไว้ก่อนได้ เพราะยังพอมีเวลาเหลือ ก่อนที่จะเดินทางไปสนามบิน
ไปทานมื้อเที่ยงที่ร้าน DAMASCUS ซึ่งเป็นร้านอาหารตุรกี ซึ่งเป็นร้านที่มีคนต่อคิวยาวตลอดเวลา ร้านนี้มีหลายสาขาอยู่ใกล้ๆ โรงแรม มื้อนี้สั่ง BIRYANI CHICKEN ราคา 29 ริงกิต มากิน อาหารจานใหญ่มาก 1 จานสามารถกินได้ 2 คน รสชาติไก่เนื้อนุ่มมาก ข้าวรสชาติมันๆ เค็มๆ กินคู่กับน้ำจิ้มมะเขือเทศรสเปรี้ยวอ่อนๆ
เมื่อท้องอิ่มแล้วก็ออกเดินทางด้วย Grab ไปยังสนามบิน KLIA2 ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง ระยะทางประมาณ 56 กิโลเมตร ราคา 65 ริงกิต
สรุปค่าใช้จ่าย 3 วัน 2 คืน ต่อคน
ค่าตั๋วเครื่องบิน 1,890 บาท
ค่าโรงแรม 1,470 บาทต่อคน จำนวน 2 คืน
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 3 วัน ในกัวลาลัมเปอร์ 350 ริงกิต