มาเที่ยวพุกาม ซึ่งเป็นเมืองโบราณและได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกให้เป็นแหล่งมรดกโลก ตั้งอยู่ในเขตมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 ถึง 13 เมืองแห่งนี้เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรพุกาม อาณาจักรแห่งแรกของชาวพม่า ในช่วงรุ่งเรืองสูงสุดของอาณาจักรระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 11 ถึง 13 มีวัด เจดีย์ และอาราม กว่า 10,000 แห่ง
มิงกะลาบา อาณาจักรพุกาม ประเทศพม่า DAY1
ทริปนี้มาเที่ยวพุกาม 5 วัน 4 คืน เป็นการมาเที่ยวเอง คืนแรกพักที่เมืองมัณฑะเลย์ เพื่อรอต่อเครื่องในตอนเช้าไปเมืองพุกาม พักที่เมืองพุกาม 2 คืน แล้วก็กลับมาพักที่มัณฑะเลย์อีก 1 คืน ก่อนกลับกรุงเทพฯ
ค่าใช้จ่ายต่อคนประมาณ 3,000 บาท (ไม่รวมตั๋วเครื่องบินและที่พัก)
ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ไป เมืองมัณฑะเลย์ เที่ยวบินไปถึงตอนค่ำ ๆ เลยเลือกพักที่โรงแรม Aung Myint Mo Hotel ในเมืองมัณฑะเลย์ 1 คืน เพื่อรอออกเดินทางไปเมืองพุกามในตอนเช้าตรู่ เนื่องจากเที่ยวบินจากเมืองมัณฑะเลย์ไปเมืองพุกามจะมีแค่ 2 เที่ยวบินเท่านั้นในตอนเช้า (ไม่มีสายการบิน บินตรงจากประเทศไทยมายังเมืองพุกาม ต้องต่อเครื่องที่สนามบินมัณฑะเลย์ หรือถ้าต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายสามารถเลือกเดินทางโดยสารด้วยรสบัส หรือ รถไฟไปยังเมืองพุกามได้)
เราเลือกนั่งแท็กซี่จากสนามบินเพื่อเข้าเมืองไปที่โรงแรม Aung Myint Mo Hotel ในเมืองมัณฑะเลย์ ราคาแท็กซี่คิดราคา 5,000 จัตต่อคน เป็นการแชร์รถไปกับคนอื่นๆ แต่ถ้าจะไปแบบเหมารถแท็กซี่ก็ราคา 15,000 จัต ต่อคัน
ปล. ค่าเงินพม่า 1,000 จัต ประมาณ 20 บาทไทยโดยประมาณแบบง่ายๆ
มิงกะลาบา อาณาจักรพุกาม ประเทศพม่า DAY2
ในเช้าวันถัดมา เราได้แจ้งให้ทางโรงแรมติดต่อแท็กซี่ให้มารับที่โรงแรม เวลา 5.00 น.
เพื่อไปส่งที่สนามบินมัณฑะเลย์ ราคา 15,000 จัต ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที ไปถึงสนามบิน
จากสนามบินเมืองมัณฑะเลย์บินไปสนามบินเมืองพุกามใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการเดินทาง เที่ยวบินจะมีแค่ช่วงเช้าเท่านั้น เราจองเครื่องบินเพื่อไปเมืองพุกามโดยใช้บริการผ่านทางแอพ Expedia
จากสนามบินมาถึงโรงแรมใช้เวลาประมาณ 20 นาที ราคาแท็กซี่คันละ 7,000 จัต ระหว่างทางจากสนามบินมาถึงโรงแรมจะขับผ่านเจดีย์มากมาย เรามาถึงที่โรงแรมเวลาประมาณ 9.20น. แต่ยังเช็คอินไม่ได้เพราะเวลาเช็คอินคือบ่ายสองโมง แต่ทางโรงแรมใจดีเพราะมีลูกค้าเช็คเอ้าท์ จึงให้เราเข้าเช็คอินได้ก่อนเวลา ครึ่งวันแรกหลังจากเช็คอินเข้าที่พักแล้ว เราก็ออกมาเดินสำรวจสถานที่รอบๆ โรงแรม ซึ่งพบว่าหลายๆ เจดีย์สามารถเดินไปเที่ยวได้เลย เพราะอยู่ไม่ไกลจากที่พักมาก
เราเลือกพักที่ Bagan Thande Hotel, Old Bagan โรงแรมตั้งอยู่ที่บริเวณเมืองเก่าพุกาม มีเจดีย์ที่สำคัญๆ อยู่ไม่ไกล สามารถเดินไปเที่ยวเจดีย์ใกล้ๆได้ หลายสถานที่ โรงแรมนี้ตั้งอยู่กลางเมืองเก่าพุกาม อยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์เมืองพุกาม และด้านหลังของโรงแรมติดแม่น้ำอิระวดี
ตอนเย็นเราเลือกที่จะไปชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่ Mount Popa โดยซื้อตั๋วรถตู้กับทางโรงแรม ซึ่งจะแชร์ค่ารถกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ที่พักต่างโรงแรม ไปด้วยกัน ราคาคนละ 11,000 จัต รถตู้มารับตอนบ่ายสาม รถตู้ก็จะตระเวนรับนักท่องเที่ยวแต่ละโรงแรม รวมแล้ว 9 คนต่อหนึ่งคัน ระยะทางค่อนข้างไกล ไปถึงที่ Mount Popa ประมาณ 5 โมงกว่าๆ
ทางที่ขึ้นไปบนเขาเพื่อดูพระอาทิตย์ตกดิน ต้องถอดรองเท้าไว้ที่จุดเก็บรองเท้าแล้วก็เดินด้วยเท้าเปล่าขึ้นไป เพราะข้างบนจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของที่นั่น เวลาเข้าวัดที่พม่าต้องถอดรองเท้าทุกครั้ง ห้ามใส่กระโปรงสั้น กางเกงขาสั้น เข้าไป
ทางเดินค่อนข้างชัน และสูง ตลอดทางเดินจะค่อนข้างสกปรกเพราะคนพม่ากินหมากแล้วจะชอบคายทิ้งไว้ รอบๆบริเวณก็จะมีเศษขยะ เศษพลาสติก
เวลาเดินต้องระมัดระวังลิงคอยมาแย่งน้ำและอาหาร
ตอนแรกก่อนจะไปถึงยอดเขา คือคิดว่าต้องได้เห็นเจดีย์เรียงรายเป็นพันองค์อยู่ข้างล่าง แต่เมื่อขึ้นไปแล้วไม่เห็นเจดีย์เลย เพราะที่นี่จะไกลออกมาจากแหล่งที่เจดีย์ตั้งอยู่
ภูเขาโปปา หรือเรียกว่า มหาคีรีนัต มีความสูงประมาณ 1,518 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ในอดีตเคยเป็นภูเขาไฟ แต่ปัจจุบันได้ดับไปแล้ว (ปะทุครั้งสุดท้ายเกือบ 2,500 ปี มาแล้ว) อยู่ห่างจากเมืองพุกามราว 50 กิโลเมตร ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เขาโปปา (Mount Popa) ชื่อนี้มาจากรากศัพท์ภาษาสันสกฤตแปลว่าดอกจำปา เนื่องจากในอดีตบริเวณภูเขาลูกนี้ เคยมีต้นจำปาขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก หรือเรียกอีกชื่อว่า “ภูเขาดอกจำปา”
ภูเขาโปปา ถูกกล่าวถึงในบันทึกประวัติศาสตร์พม่าตั้งแต่ในยุคของ การเลือกตำแหน่งสร้างอาณาจักรพุกามว่า อดีตภูเขาไฟแห่งนี้เป็นเสมือน เขาพระสุเมรุศูนย์กลางแห่งจักรวาล และเชื่อว่าเป็นที่สถิตของเหล่า “นัต” หรือที่คนพม่าเรียกว่า “มินนัต” คือ วิญญาณ ภูตผี จากผู้ที่เสียชีวิตด้วยการถูกฆ่า หรือถูกทรมานด้วยวิธีต่างๆ ดวงวิญญาณจึงไม่ไปสู่สุคติ มีทั้งคนธรรมดาและผู้ที่มียศศักดิ์ไปจนถึงกษัตริย์ บ่อยครั้งปรากฏกายแสดงอิทธิฤทธิ์เหนือธรรมชาติ กลายเป็นที่เกรงกลัวของชาวบ้านจึงมีการตั้งศาล และนำรูปปั้นเหมือนจริง
มิงกะลาบา อาณาจักรพุกาม DAY3
ตอนเช้าพลาดไม่ได้กับการมาดูพระอาทิตย์ขึ้นของที่นี่ ช่วงเวลาที่มาเป็นช่วงไฮซีซั่นที่เมืองพุกาม จะมีบอลลูนให้บริการในการชมวิว ภาพที่เห็นบอลลูนเป็นแบ็คกราวน์ข้างหลังเจดีย์จึงเป็นภาพที่ต้องมีเมื่อมาพุกาม เพราะทำให้วิวพระอาทิตย์ขึ้นสวยงามกว่าเดิมมาก
เช้านี้ติดต่อขอเช่า e-bike กับทางโรงแรมไว้ราคา 9,000 จัตต่อคัน เช่าตลอดวัน
เราออกจากโรงแรมเวลาประมาณ 5.30 น. อากาศตอนเช้าค่อนข้างเย็นเลยทีเดียว อุณหภูมิในเช้าวันนี้ 16 องศา ที่พุกามขับรถได้ไม่อันตราย รถไม่เยอะ ขับชมวิวไปเรื่อยๆ คนท้องถิ่นได้แนะนําสถานที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นให้เรา ซึ่งจะมีบางเจดีย์ที่อนุญาตให้ขึ้นไปชมวิวได้ ซึ่งเป็นความโชคดีที่เจดีย์ที่ขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้น อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม ที่ตั้งของเจดีย์อยู่ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์เมืองพุกาม ถ้ามาเร็วก็จะได้จองพื้นที่ชมวิวที่สวยได้ พระอาทิตย์ขึ้นเวลา 6.30 น. และบอลลูนจะทะยอยกันขึ้นมา เป็นภาพที่สวยงามจับตาจริงๆ ที่ได้เห็นภาพพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมๆ กับบอลลูนลอยมา เป็นอีกเช้าที่น่าประทับใจ
เมื่อดูพระอาทิตย์ขึ้นจนสว่างแล้วก็ขับรถไปชมเจดีย์อื่นๆที่ยังไม่ได้ไป เส้นทางที่ไม่ใช่ถนนเส้นหลักจะเป็นถนนเล็กๆ เหมือนทางลูกรัง
ปล.ช่วงเวลาที่ดีในการมาเที่ยวพุกามคือเดือน พฤศจิกายน ถึง เดือน กุมภาพันธ์ เพราะเป็นหน้าหนาวอากาศดี และบอลลูนจะมีแค่ช่วงนี้เช่นกัน
เจดีย์สำคัญๆที่ต้องมาเยือนเมื่อมาเที่ยวเมืองพุกาม
พุกาม (พม่า: ပုဂံ) เป็นเมืองโบราณและได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกให้เป็นแหล่งมรดกโลก ตั้งอยู่ในเขตมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 ถึง 13 เมืองแห่งนี้เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรพุกาม อาณาจักรแห่งแรกของชาวพม่า ในช่วงรุ่งเรืองสูงสุดของอาณาจักรระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 11 ถึง 13 มีวัด เจดีย์ และอาราม กว่า 10,000 แห่ง ถูกสร้างขึ้นบนที่ราบพุกามเพียงแห่งเดียว ซึ่งยังคงมีวัดและเจดีย์กว่า 2,200 แห่งที่ยังคงอยู่รอดมาจนถึงปัจจุบัน
พุกามได้ชื่อว่าเป็น “เมืองแห่งทะเลเจดีย์” หรือ “ดินแดนแห่งเจดีย์” เพราะในช่วงรุ่งเรืองเคยมีเจดีย์มากมายที่ถูกสร้างขึ้นบนที่ราบพุกาม เจดีย์แห่งแรกของพุกามคือ เจดีย์ชเวซีโกน สร้างโดยพระเจ้าอโนรธามังช่อ ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรพุกาม โดยธรรมเนียมการสร้างเจดีย์ เจดีย์องค์ใหญ่สุดจะเป็นเจดีย์ที่กษัตริย์ทรงสร้าง และองค์ที่มีขนาดเล็กถัดมาเป็นการสร้างโดยเหล่าขุนนาง อำมาตย์ ลดหลั่นลงมาตามบรรดาศักดิ์ นอกจากเจดีย์ชเวซีโกนแล้ว ยังมีเจดีย์สำคัญ ๆ อีกหลายองค์และวัดสำคัญ ๆ อีกเช่น เจดีย์ชเวซันดอ, อานานดาพะย่า, เจดีย์ตะเบียงนิว, วัดพะยาตองซู, วัดที่โลมี่นโล, วัดดะมะยานจี้, เจดีย์ตะบิญญูพยา เป็นต้น
ตอนเย็นของวันนี้เราเลือกที่จะรอดูพระอาทิตย์ตกดินที่โรงแรม เพราะโรงแรมอยู่ติดแม่น้ำอิระวดี และเตรียมตัวเก็บของเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้นเพื่อไปสนามบินเดินทางกลับไปเมืองมัณฑะเลย์
มิงกะลาบา เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า DAY4
เช้าวันนี้ต้องออกเดินทางจากเมืองพุกามตั้งแต่เช้าเพื่อไปเมืองมัณฑะเลย์เพราะเที่ยวบินมีแค่เฉพาะช่วงเช้าเท่านั้น เราให้ทางโรงแรมติดต่อแท็กซี่ให้ ราคา 9,000 จัต ใช้เวลาประมาณ 20 นาที จากโรงแรมไปถึงสนามบินเมืองพุกาม
วันนี้ก็จะเที่ยวในเมืองมัณฑะเลย์ เราเลือกพักที่โรงแรม Dragon Phoenix Hotel ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพระราชวังมัณฑะเลย์ หลังจากเข้าเช็คอินที่โรงแรมเรียบร้อย ก็ออกไปเที่ยวในตัวเมืองมัณฑะเลย์ โดยเราใช้บริการรถตุ๊กๆ ซึ่งมีให้บริการอยู่ทั่วๆไป เรียกผ่านแอพ Grab
ที่เมืองมัณฑะเลย์มี Grab ให้บริการ ซึ่งสะดวกมาก ราคาประมาณ 3,000-5,000 จัตต่อครั้ง ในการเดินทางบริเวณเมืองมัณฑะเลย์ขึ้นอยู่กับระยะทางใกล้ไกล นั่งได้ 2-3 คนต่อคัน
เริ่มต้นเที่ยวที่วัดกุโสดอร์ก็จะได้เที่ยววัดบริเวณนั้นอีกหลายวัดด้วยกัน เพราะอยู่ระแวกเดียวกัน สามารถเดินเที่ยวได้
ตอนเย็น เดินชมบรรยากาศเมืองมัณฑะเลย์ เมืองมัณฑะเลย์เป็นเมืองใหญ่เมืองนึงของประเทศพม่า ถ้าเทียบกับเมืองไทยก็น่าจะเทียบได้กับเมืองเชียงใหม่ บริเวณรอบๆกำแพงพระราชวังมัณฑะเลย์ จะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนระแวกนั้น มานั่งพูดคุย ผ่อนคลาย วิ่งออกกำลังกายกัน
ปิดท้ายวันนี้ด้วยการหาอาหารพม่าทานในตอนเย็นที่ร้าน MYANMAR RESTUARANT ซึ่งเป็นร้านอาหารแนะนำ ราคาไม่แพง อาหารอร่อย นักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นไปทานกันเยอะ
มิงกะลาบา เมืองมัณฑะเลย์ Day 5
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเที่ยวพม่า เราตั้งใจจะไปกราบสักการะพระมหามัยมุนีซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของประเทศพม่า ที่วัดพระมหามัยมุณี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปจำลองศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนให้ความเคารพบูชา เช้าวันนี้เริ่มต้นออกจากโรงแรมตั้งแต่ตีสี่เพื่อไปให้ทันพิธีกรรมล้างพระพักต์พระมหามัยมุนี โดยนัดแนะกับตุ๊กๆให้มารับที่หน้าโรงแรม ได้ราคา 4,000 จัตต่อเที่ยว นักท่องเที่ยวมีค่าธรรมเนียมเข้าวัด 5,000 จัต/คน สำหรับนักท่องเที่ยวต้องมีสติ๊กเกอร์อนุญาตให้มีการบันทึกภาพ
การทำพิธีล้างพระพักต์พระมหามัยมุนี จะเริ่มตั้งแต่เวลา 4.00 น.ของทุกวัน โดยผู้ที่จะทำการล้างหน้า และ แปรงฟันให้องค์พระมหามัยมุนีคือท่านเจ้าอาวาสของวัด ในระหว่างการทำพิธีจะมีการสวดมนต์ตลอดเวลาพร้อมด้วยเครื่องปี่พาทย์บรรเลง บรรยากาศดูมีมนต์ขลัง
ผู้หญิงจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปบริเวณด้านใน สามารถนั่งได้บริเวณรอบนอก น้ำล้างพระพักต์พระมหามัยมุนี สามารถขอนำกลับมาเพื่อความเป็นสิริมงคลได้ โดยหลังจากเสร็จพิธี ให้นำขวดเปล่าไปขอน้ำมนต์ได้
เวลาที่เหลือก่อนจะบินกลับไปกรุงเทพ เราไปที่พระราชวังเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นพระราชวังจำลองที่สร้างขึ้นใหม่ทดแทนของเก่าที่ถูกทำลายไป
จบทริปพม่า พูดได้เลยว่ามุมมองที่เคยมองประเทศพม่าได้เปลี่ยนไป เที่ยวพม่ามาได้ง่ายและปลอดภัย ต้องหาโอกาสกลับมาเที่ยวซ้ำอีกแน่นอน สถานที่ประทับใจมากของทริปนี้คือ เมืองเก่าพุกาม และ พิธีล้างพระพักต์พระมหามัยมุนี