หลวงพระบาง Luang Prabang Lao เป็นเมืองมรดกโลก ประเทศลาว อยู่ทางภาคเหนือของประเทศ ตัวเมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงและแม่น้ำคาน ซึ่งไหลมาบรรจบกัน หลวงพระบางได้รับการขึ้นทะเบียนโดยองค์กรยูเนสโก (UNESCO)ให้เป็นแหล่งมรดกโลกด้วยเหตุผล คือ มีวัดวาอารามเก่าแก่มากมาย มีบ้านเรือนอันเป็นเอกลักษณ์ ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม และชาวหลวงพระบางมีบุคลิกที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นมิตร และมีขนบธรรมเนียมประเพณีที่งดงาม
สบายดีหลวงพระบาง DAY 1
คนไทยมาเที่ยวหลวงพระบางได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่าและอยู่ในประเทศลาวได้ 30 วัน การเดินทางจากกรุงเทพใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงก็มาถึงหลวงพระบาง ทริปนี้เรามาเที่ยวเมืองหลวงพระบางในช่วงเดือนเมษายนซึ่งเป็นวันปีใหม่ของชาวลาว มาเที่ยว 4 วัน 3 คืน เดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย จากสนามบินดอนเมืองมาถึงสนามบินหลวงพระบางราวๆ บ่ายโมง รถของทางโรงแรมมารับเราที่สนามบิน ทริปนี้เราเลือกพักที่โรงแรม Parasol Blanc Hotel, Luang Prabang (ทางโรงแรมมีบริการรับส่งจากสนามบินได้ฟรี 1 รอบแล้วแต่ลูกค้าจะเลือกให้มารับหรือมาส่งกลับสนามบิน) ช่วงที่มาอากาศร้อนอบอ้าว เนื่องจากเป็นฤดูกาลการเผาป่าเพื่อปลูกพืช ช่วงที่ควรมาเที่ยวหลวงพระบางคือเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ เนื่องจากเป็นหน้าหนาวอากาศเย็นสบาย เหมาะกับการเดินเที่ยวชมเมือง
หรือสามารถเดินทางจากสนามบินหลวงพระบางเข้าไปในตัวเมืองหลวงพระบางได้โดย รถแท็กซี่ ซึ่งเป็นวิธีการเดินทางที่นิยมมาก เนื่องจากมีความสะดวกสบาย โดยมีระยะทางประมาณ 5.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20-30 นาที อัตราค่าโดยสารมีสองรูปแบบคือ ราคา 50,000 กีบ/3 คน หรือจะจ่ายเป็นสกุลเงินไทยก็ได้ ประมาณ 200 บาท/3 คน เช่นเดียวกัน หรือรถโดยสารรับจ้างทั่วไป โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินออกจากสนามบินแล้วข้ามถนนมายังอีกฝั่ง จะมีรถตุ๊กตุ๊กวิ่งไปมาอยู่ตลอด สามารถต่อรองราคาแล้วระบุจุดหมายปลายทางได้ ราคาอยู่ที่ประมาณ 20,000 กีบ
ประเทศลาวใช้สกุลเงินกีบ เทียบค่าเงินบาทไทยแบบง่ายๆ เงินลาวประมาณ 5,000 กีบ = 20 บาทไทย
แลกเงินจากสนามบินได้เรทอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงกว่าในตัวเมืองหลวงพระบาง
หลังจากเข้าที่พักแล้ว เราพักผ่อนที่โรงแรมอีกนิดหน่อย และวางแผนการเที่ยวของวันนี้คือเดินชมเมือง ตอนเย็นไปขึ้นเขาชมพระอาทิตย์ตกดินที่พระธาตุพูสี และเดินเที่ยวตลาดกลางคืน(ตลาดมืด) ทานอาหารเย็นที่นี่
เราเดินจากโรงแรมไปเขาพูสีระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร เส้นทางเดินจะเป็นบ้านของคนท้องถิ่น เมืองเงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน เพลิดเพลินกับการเดินชมสถาปัตยกรรมบ้านเรือนแบบดั้งเดิม เวลามาเที่ยวเราชอบการเดินชมเมืองเพราะทำให้ซึมซับกับบรรยากาศของพื้นที่นั้นจริงๆ
การขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่เขาพูสี จะมีค่าธรรมเนียม 20,000 กีบ ทางขึ้นเขาพูษีอยู่ตรงข้ามกับทางเข้าพระราชวังหลวงพระบาง
พูสี เป็นยอดเขาที่มีความสูงราว 150 เมตร ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงพระบาง การขึ้นไปบนยอดเขาพูสีทำให้เห็นวิวเมืองหลวงพระบางได้โดยรอบ เห็นสายน้ำโขง มีบันไดทางขึ้นทิศตะวันตกเฉียงเหนือตรงข้ามพระราชวัง ระยะทางเดิน 328 ขั้น ตลอดทางขึ้นร่มรื่นไปด้วยต้นจำปา (ดอกไม้ประจำชาติลาว) หรือที่บ้านเราเรียกว่าต้นลั่นทม
พูสี มีความหมายว่า ภูเขาของพระฤาษี เดิมชื่อว่า ภูสรวง ครั้นเมื่อมีฤาษีไปอาศัยอยู่ชาวบ้านจึงเรียกว่าภูฤาษี หรือภูษีมาจนถึงปัจจุบัน แต่ยังมีนักโบราณคดีบางคนเชื่อว่าภูษี อาจหมายถึง พูสีซึ่งเป็นศรีของเมืองหลวงพระบาง
ตอนลงมาจากเขาพูษี ให้ลงมาทางเดียวกันกับทางขึ้นเขา ก็สามารถเดินเที่ยวตลาดกลางคืนหรือตลาดมืด ต่อได้เลย ตลาดมืดหรือ Night Market เป็นสีสันยามค่ำคืนของเมืองหลวงพระบาง ตั้งอยู่ที่ถนนศรีสว่างวงศ์ โดยถนนศรีสว่างวงศ์จะถูกแปรสภาพให้กลายเป็นตลาดขายของพื้นเมืองที่ชาวบ้านหลวงพระบาง ต่างพากันนำสินค้างานฝีมือต่างๆมาวางขาย มีของหลากหลายให้เลือกซื้อ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องเงิน ผ้าลายพื้นเมือง ของที่ระลึกจากหลวงพระบาง และอาหารพื้นเมืองต่างๆ
ปิดท้ายการเที่ยววันนี้ของเราคือไปเดินเที่ยวและทานอาหารเย็นที่ตลาดมืด นักท่องเที่ยวที่มาหลวงพระบางส่วนใหญ่จะไม่พลาดการเดินท่องเที่ยวที่ตลาดมืดยามราตรี เพราะถือเป็นสีสันในยามค่ำคืนที่หลวงพระบาง
สบายดีหลวงพระบาง DAY 2
วันนี้เราวางแผนเที่ยวคือ ไปที่พระราชวังเก่าหลวงพระบาง และไปวัดต่างๆ ในเมืองหลวงพระบางซึ่งมีมากมายหลายแห่ง โดยการปั่นจักรยาน เนื่องจากทางโรงแรม Parasol Blanc Hotel, Luang Prabang ที่เราพัก มีบริการให้ยืมจักรยานได้ฟรีในช่วงเวลา 06.00 น. – 18.00 น.
หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมอิ่มแล้ว (โรงแรมมีบริการอาหารเช้าฟรีรวมอยู่ด้วย) วันนี้เริ่มต้นที่พระราชวังหลวงพระบาง ซื้อตั๋วเข้าชมที่ด้านหน้าพระราชวัง โดยตัวอาคารจะเป็นแบบฝรั่งที่มีความงดงามลงตัวของศิลปะยุคอาณานิคม ผสมผสานกับศิลปะแบบล้านช้าง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง พระราชวังหันหน้าตรงไปที่พระธาตุพูสี ตัวพระราชวังเป็นหมู่อาคาร เตี้ยๆชั้นเดียว ตั้งอยู่บนพื้นยกสูง
พระราชวังหลวงพระบางเป็นจุดแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือนเมื่อมาเที่ยวที่หลวงพระบาง สถานที่ตั้งอยู่ตรงข้ามทางขึ้นเขาพระธาตุพูสี เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ยกเว้นวันอังคาร โดยแบ่งออกเป็น 2 ช่วงเวลาคือ ตอนเช้า 8.00 น. – 11.30 น. และตอนบ่าย 13.30 น. – 16.00 น. มีค่าธรรมเนียมการเข้าชม 30,000 กีบ
การจะเข้าชมภายในตัวอาคารพระราชวังจะต้องแต่งกายชุดสุภาพ สำหรับสุภาพบุรุษห้ามนุ่งกางเกงขาสั้นหรือใส่เสื้อกล้าม สุภาพสตรีห้ามนุ่งกางเกงขาสั้นหรือเสื้อแขนกุดในการเข้าชม
ห้ามถ่ายรูปภายในตัวอาคารพระราชวังโดยเด็ดขาด
ประวัติของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2447 สมัยเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ สืบทอดต่อมาถึงสมัยเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา พระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายของลาว ภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองหรือที่ชาวลาวเรียกว่า “การปลดปล่อย” รัฐบาลลาวได้เปลี่ยนพระราชวังหลวงมาเป็น “หอพิพิธภัณฑ์”
เมื่อชมพระราชวังหลวงพระบางและพิพิธภัณฑ์เสร็จแล้ว เราปั่นจักรยานตรงไปตามถนนศรีสว่างวงศ์ ซึ่งเป็นถนนสายที่พระราชวังตั้งอยู่ เป็นถนนสายหลักของเมืองหลวงพระบางสำหรับการท่องเที่ยวชมเมืองหลวงพระบาง โดยจะมีโรงแรม โฮสเทลต่างๆ และร้านอาหาร ตั้งอยู่มากมายหลายร้านที่ถนนสายนี้ ปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ จะพบได้ว่ามีวัดมากมายหลายวัดอยู่บริเวณนี้เช่น วัดเชียงทอง วัดแสนสุขาราม วัดพระมหาธาตุราชบวรวิหาร (วัดทาดน้อย) วัดหอเซียงวรวิหาร วัดโพนไซซะนะสงคราม วัดเซียงม่วนวชิระมังคลาราม วัดป่าไผ่มีไซยาราม วัดศิริมงคลไซยาราม วัดสุวรรณคีรี (วัดคีรี) วัดมโนรมย์ วัดต่างๆสามารถเข้าเที่ยวชมได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมเข้าชม ยกเว้นวัดเชียงทอง ซึ่งมีค่าธรรมเนียมเข้าชมราคา 20,000 กีบ
ศิลปะของวัดที่หลวงพระบางจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว วัดจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเที่ยวเยี่ยมชม
จบการเที่ยววันนี้ด้วยการเดินเทียวที่ตลาดมืดในตอนเย็นอีกครั้ง พร้อมหาอาหารเย็นรับประทานที่ร้านอาหารใกล้ๆ ตลาดมืด
สบายดีหลวงพระบาง DAY 3
เราวางแผนในการเที่ยววันนี้คือ ไปตักบาตรข้าวเหนียว เที่ยวถ้ำปากอู เที่ยวน้ำตกตาดกวางสี และกลับมาเดินเที่ยวตลาดมืดตอนเย็น
เช้านี้ตื่นเช้าหน่อยเพื่อมาร่วมประเพณีตักบาตรข้าวเหนียว ซึ่งพระสงฆ์จะออกมาบิณฑบาตตั้งแต่เช้าตรู่เริ่มที่เวลา 5.30-6.30 น. ของทุกๆเช้า จะมีชาวบ้านในเมืองหลวงพระบางมาจับจองพื้นที่เพื่อรอใส่บาตร สำหรับนักท่องเที่ยวจะมีแม่ค้ามาขายข้าวเหนียวสำหรับใส่บาตรกระติ๊บละ 5,000 กีบ พร้อมมีสไบเฉียงพาดไหล่ให้ แม่ค้าแต่ละคนจะจับจองพื้นที่ไว้ให้สำหรับลูกค้าของตัวเองนั่งใส่บาตรพร้อมมีเก้าอี้ตัวเล็กสำหรับนั่ง พระสงฆ์จะทยอยเดินกันมารับบิณฑบาต บริเวณที่ใส่บาตรและพระออกมาบิณฑบาตเยอะๆจะอยู่บริเวณถนนเส้นหลักเลยพระราชวังหลวงพระบาง ย่านแหล่งเมืองเก่าใกล้ๆ วัดแสนสุขาราม เพราะบริเวณนั้นมีวัดอยู่หลายวัดใกล้เคียงกัน
ตักบาตรเสร็จเดินไปไม่ไกลก็สามารถชมบรรยากาศ พระอาทิตย์ขึ้นใกล้ริมแม่น้ำโขงได้ สามารถหาทัวร์ไปถ้ำปากอูและน้ำตกตาดกวางสีได้ที่บริเวณร้านแถวเมืองเก่า หรือจะมีคนที่รับทำทัวร์มาหาลูกค้าหลังจากตักบาตรเสร็จ ราคาอยู่ที่การต่อรองกัน
เราให้ทางโรงแรมติดต่อให้สำหรับไปถ้ำปากอูและน้ำตกตาดกวางสี ราคาประมาณ 300,000 กีบ เป็นรถตู้ราคา ไปกลับ
รถตู้มารับเราที่โรงแรมเวลา 10.00 น. ออกเดินทางไปที่แรกคือถ้ำปากอู หรือ ถ้ำติ่งซึ่งตั้งอยู่ในภูเขาลูกใหญ่ตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำโขง อยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านปากอู อยู่ห่างจากตัวเมืองหลวงพระบางประมาณ 25 กิโลเมตร ผ่านหมู่บ้านซ่างไห จนถึงหมู่บ้านปากอู มีเรือข้ามฟากให้บริการ คนละ 10,000 กีบ
ถ้ำติ่ง ประกอบไปด้วย 2 ถ้ำ แยกขวาไปถ้ำลุ่ม (ล่าง) แยกซ้ายไปถ้ำเทิง (บน) ถ้ำลุ่มหรือถ้ำติ่งล่างนั้น สูง 60 เมตรจากพื้นน้ำมีลักษณะเป็นโพรงถ้ำตื้นๆ มีหินงอกหินย้อยเล็กน้อย เป็นถ้ำที่มีพระพุทธรูปจำนวนมากหลายขนาด ส่วนใหญ่จะเป็นพระยืน มีทั้งปางประทานพร และปางห้ามญาติ ความสำคัญของถ้ำติ่งในสมัยโบราณเป็นที่สักการะบวงสรวงดวงวิญญาณ ผีฟ้า ผีแถน เทวดาผาติ่ง
ถ้ำปากอู หรือ ถ้ำติ่ง มีความสำคัญมาอย่างยาวนานกับชาวลาว โดยเฉพาะหลวงพระบาง เพราะถือได้ว่าเป็นเทวสถานของเจ้าที่แม่น้ำ โดยในสมัยโบราณเป็นที่สักการะบวงสรวงดวงวิญญาณ ผีฟ้า ผีแถน เทวดาผาติ่ง ซึ่งหินงอกหินย้อยที่มีอยู่มากมายภายในถ้ำนั้นเป็นที่สิงสถิตของผี ทั้งวิญญาณในน้ำและในถ้ำ
ตามธรรมเนียมความเชื่อ นักแสวงบุญจะทิ้งพระพุทธรูปไว้ในถ้ำ ทำให้ทุกวันนี้มีพระพุทธรูปกว่า 4,000 องค์ ส่วนใหญ่แล้วมีอายุอยู่ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 24-25 กว่า 2,500 องค์ ส่วนองค์ที่เก่าที่สุดนั้นสร้างจากไม้ และมีอีกหลายองค์ที่หล่อจากสำริดลงรักปิดทอง
สำหรับนักท่องเที่ยวมีค่าเข้าชมราคา 20,000 กีบ ค่าเรือข้ามฟากราคา 10,000 กีบ
เราใช้เวลาเที่ยวที่ถ้ำติ่งประมาณชั่วโมงกว่าๆ เสร็จแล้วก็นั่งเรือข้ามฟากกลับมาเพื่อขึ้นรถตู้ไปน้ำตกตาดกวางสีต่อ
น้ำตกตาดกวางสีเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในหลวงพระบาง มีจำนวนชั้นทั้งหมด 4 ชั้น มีความสูงโดยรวมประมาณ 75 เมตร เป็นน้ำตกหินปูน น้ำในน้ำตกจึงมีสีเขียวมรกต สภาพป่าร่มรื่น มีสะพานและเส้นทางเดินชมรอบๆน้ำตกและสามารถเดินเลาะข้างน้ำตกไปชมน้ำตกชั้นบน สามารถเล่นน้ำบริเวณลำธารได้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ น้ำตกแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากหลวงพระบางไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ประมาณ 30 กิโลเมตร เสียค่าเข้าชม คนละ 20,000 กีบ โดยจะเปิดให้เข้าชม ตั้งแต่เวลา 06.00 – 17.30 น.
หลังจากซื้อตั๋วเข้าชมน้ำตกแล้ว ระหว่างทางเดินเข้ามาที่น้ำตกสภาพป่าเป็นป่าร่มรื่น มีศูนย์อนุรักษ์หมี และขายของที่ระลึก มีร้านอาหารภายในน้ำตก มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมเยอะมากมายรวมทั้งคนท้องถิ่น
รถตู้มาส่งเราถึงโรงแรมราวๆบ่ายสามโมงกว่าๆ เราออกจากโรงแรมอีกครั้งในตอนเย็นอีกทีประมาณ 5 โมงเย็นเพื่อเดินชมเมือง เดินเที่ยวตลาดมืดและหาอาหารเย็นรับประทาน
เดินชมเมืองมาเรื่อยๆ ก็ได้เจอร้านอาหารริมแม่น้ำโขงอยู่หลายร้าน ก่อนมื้อเย็นเราเลยเลือกลองทานอาหารพื้นถิ่นเหมือนอาหารทานเล่น ที่ร้านริมแม่น้ำโขงซึ่งมีวิวสะพานไม้อยู่เบื้องหน้า นั่งชมวิวไปเรื่อยๆก็ได้เห็นวิถีชิวิตชาวประมงพื้นบ้านออกเรือหาปลา ชาวบ้านเดินไปกลับข้ามฟากผ่านสะพานไม้ ซึ่งเป็นวิถีชีวิตที่ดูเรียบง่าย ไม่แข่งขันไม่เร่งรีบ ใช้ชีวิตแบบสบายๆ
ปิดท้ายวันนี้ด้วยการรับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารบรรยากาศดีๆใกล้ๆ ตลาดมืด และเดินเที่ยว ช้อปปิ้ง ที่ตลาดมืด
สบายดีหลวงพระบาง DAY 4
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะเที่ยวในหลวงพระบาง มีเวลาสำหรับวันนี้ครึ่งวันก่อนเดินทางกลับกรุงเทพ วันนี้ก็เป็นวันสบายๆ เนื่องจากเราไปเที่ยวจนครบเกือบทุกสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญๆไปแล้ว วันนี้เราก็เลยไปเดินเที่ยวที่ตลาดเช้า โดยการยืมจักรยานของทางโรงแรม และไปลองทานอาหารเช้าท้องถิ่น
ตลาดเช้าเปิดตั้งแต่เวลา 5.00-10.00 น. ของทุกวัน
ตลาดเช้า เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมของบรรดานักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบอาหารพื้นเมืองของหลวงพระบาง ที่ต่างต้องพาตัวเองมาลิ้มลอง ซึ่งนอกจากอาหารพื้นเมืองที่มีให้เลือกแล้วยังมีวัตถุดิบที่แปลกๆให้ได้ดูอีกด้วย ทำให้ตลาดเช้ากลายเป็นมนต์เสน่ห์แห่งวิถีชีวิตของชาวหลวงพระบางได้ดี
สินค้าส่วนใหญ่ของตลาดเช้าหลวงพระบาง มีทั้ง ผัก ผลไม้ ขนมพื้นบ้าน ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงเนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น หนังควายตากแห้ง ปลาแม่น้ำโขงและเนื้อสัตว์ป่านานาชนิด เนื่องจากชาวลาวยังนิยมปรุงอาหารทานเองในครอบครัว ตลาดจึงเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญ และเรียกได้ว่าเป็นตลาดของคนท้องถิ่นอย่างแท้จริง
นอกจากเรื่องของอาหารแล้ว สินค้าหัตถกรรมก็ขายดีไม่แพ้กัน ก็คือ “ผ้าซิ่น” เครื่องนุ่งห่มเอกลักษณ์ ใส่คู่กับแพรเบี่ยงหรือผ้าสไบหลากหลายสีสัน ตลาดเช้าจึงกลายเป็นมนต์เสน่ห์แห่งวิถีชีวิตของชาวหลวงพระบางที่ควรมาสัมผัส
ตลาดเช้าหลวงพระบางตั้งอยู่ขนานกับถนนสีสว่างวงศ์ ข้างโรงแรมรามายนะ และวัดใหม่สุวันนะพูมาราม ซึ่งเป็นบริเวณใจกลางหลวงพระบาง จึงทำให้สามารถสังเกตเห็นได้ง่ายและเดินเท้าไปยังตลาดเช้าได้
หลังจากเดินเที่ยวตลาดเช้าเสร็จ ก็ปั่นจักรยานต่อเพื่อไปทานอาหารเช้าท้องถิ่น ร้านอยู่ริมแม่น้ำโขง อากาศตอนเช้าวันนี้อากาศค่อนข้างเย็นสบาย เพราะมีฝนตกในตอนกลางคืน ทำให้ตอนเช้ามีหมอก
เดินชมเมืองต่ออีกนิดหน่อย ระหว่างทางกลับไปโรงแรมแวะไปดื่มกาแฟที่ร้าน Joma Bakery Cafe ซึ่งเป็นร้านกาแฟชื่อดัง ร้านตั้งอยู่ริมถนนสิงห์ราช มีขายทั้งกาแฟ เบเกอรี่ และขนมเค้ก พร้อมกับได้ชื่นชมกับสถาปัตยกรรมเก่าในย่านนี้ ก่อนเดินทางกลับ
การมาเที่ยวหลวงพระบาง สำหรับคนไทยแล้ว มาเที่ยวได้ง่าย เพราะไม่ต้องใช้วีซ่า ระยะทางไม่ไกล มีเวลาเพียงแค่วันเดียวก็มาเที่ยวในตัวเมืองหลวงพระบางได้ รวมทั้งประเพณีวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกัน และภาษาที่ใช้ก็ใกล้เคียงภาษาไทย รวมทั้งเงินไทยก็สามารถนำมาใช้ที่หลวงพระบางได้ด้วย
SCB My Home Cash & My Car Cash บ้านอยู่ครบรถมีขับ เปลี่ยนบ้านเป็นเงินทันใจ จะซ่อมแซมต่อเติมบ้าน ปลดภาระ ค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน หรือทำตามความฝัน โดยการนำอสังหาริมทรัพย์ มาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ เช่น บ้านเดี่ยว, ทาวน์เฮ้าส์, ทาวน์โฮม, ตึกแถว, อาคารชุด, ที่ดินว่างเปล่า จุดขาย • ดอกเบี้ยหลากหลาย และวงเงินกู้ยืมสูงสุด 20,000,000 บาท • อนุมัติไว ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน ครอบครองและมีสิทธิใช้รถยนต์ได้ตามปกติ โดยผ่อนชำระหนี้เป็นรายงวดสบายๆ นานสูงสุดถึง 84 เดือน เมื่อผ่อนชำระครบถ้วนตามเงื่อนไขกรรมสิทธิ์ รถยนต์จะโอนกลับเป็นของคุณในทันที สมัครง่าย อนุมัติและได้รับเงินรวดเร็วภายใน 1 วันจุดขาย • สะดวกและรวดเร็ว • หมดกังวลเรื่องแผนการผ่อนชำระ สนใจคลิกรายละเอียดเพิ่มเติม https://www.scb.co.th/th/personal-banking/loans/car-loans/my-car-my-cash.html https://cl.accesstrade.in.th/001coo0011q8