ลพบุรี (Lopburi Province) เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ต่อเนื่องและยาวนานที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศไทย ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ไม่ต่ำกว่า 3,500 ปีมาแล้ว เมืองลพบุรี เดิมชื่อว่า “ลวปุระ” หรือ “ละโว้” เป็นดินแดนที่ตั้งอยู่บริเวณภาคกลางของประเทศไทย หากพูดถึงจังหวัดลพบุรี ใครๆ ก็คงคิดถึงลิง และทุ่งทานตะวัน ด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ทำให้เมืองลพบุรี มีโบราณสถานเก่าแก่มากมายไว้ให้ค้นหาความเป็นมา และจังหวัดลพบุรี เป็นจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากเท่าไหร่ จึงทำให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเที่ยวอยู่อย่างสม่ำเสมอ
ทริปนี้มาเที่ยวลพบุรีเป็นครั้งแรกในแบบฉบับคนไม่มีรถ ลองมาใช้บริการเดินทางของการรถไฟดูบ้าง เพื่อจะได้สัมผัสประสบการณ์แบบใหม่ๆ เริ่มต้นทริปนี้ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน มาลงที่สถานีหัวลำโพง ออกทางออกที่ 2
มาถึงหัวลำโพงสายแล้ว ประมาณ 8.30 น. เดินเข้าไปซื้อตั๋วโดยสาร แจ้งว่าไปเมืองลพบุรี จ่ายค่าตั๋วโดยสารรถไฟ 28 บาท เป็นรถไฟชั้น 3 แบบไม่ระบุที่นั่ง เป็นรถไฟสายกรุงเทพฯ-พิษณุโลก เมื่อรถไฟเข้ามาเทียบชานชลาแล้ว ให้ขึ้นไปหาที่นั่งไว้ก่อนเพราะเป็นรถไฟชั้น 3 ข้อดีของการมาขึ้นรถไฟที่หัวลำโพงคือ เป็นต้นสาย สามารถเลือกที่นั่งได้
เวลารถเริ่มออกเดินทางจากสถานีหัวลำโพง เวลา 9.25 น. ระยะเวลาที่ใช้เดินทางจากสถานีหัวลำโพง ไปยังสถานีลพบุรี ใช้เวลา ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงสถานีลพบุรีในเวลาประมาณเที่ยง พนักงานของการรถไฟแนะนำให้ซื้อตั๋วรถไฟขากลับเอาไว้เลยเพราะรถอาจจะเต็มตอนขากลับ ตั๋วรถไฟขากลับที่ได้เป็นรถไฟชั้น 2 ปรับอากาศ แบบระบุที่นั่ง ราคา 374 บาท เป็นรถไฟสายเชียงใหม่-กรุงเทพฯ เวลาออก 5.28 น.
ตอบโจทย์ทุกความต้องการ กับบัตร KTC PROUD เป็นทั้งบัตรกดเงินสด และบัตรผ่อนสินค้า 0% นานสูงสุด 24 เดือน สนใจคลิกเลย https://cl.accesstrade.in.th/0021140011q8
สรุปวันนี้มีเวลาเที่ยวเมืองลพบุรีเพียงครึ่งวัน เมื่อเดินออกจากสถานีลพบุรี สถานที่แรกที่จะเจอคือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เพราะตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับสถานีรถไฟลพบุรี ช่วงที่ไปถึงอากาศร้อนและแดดจัดมาก ก็เลยวางแผนที่จะมาเดินเที่ยววัดพระศรีรัตนมหาธาตุตอนเย็นใกล้เวลากลับกรุงเทพฯ
มาถึงเวลาเที่ยงกว่าแล้ว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ก็เลยไปหามื้อเที่ยงทานก่อนเป็นอันดับแรก ได้ข้อมูลจากการสอบถามจากคนแถวนั้น แนะนำให้เดินเข้าซอยข้างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเข้าไปก็จะเจอร้านอาหาร ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกันกับไปวังนารายณ์ หรือพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระนารายณ์
เริ่มต้นสถานที่แรกที่จะเข้าไปเที่ยวชมคือ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จังหวัดลพบุรี
มีค่าเข้าชม 30 บาทสำหรับคนไทย และสำหรับชาวต่างชาติ มีค่าธรรมเนียม 150 บาท
นักเรียน, นักศึกษาในเครื่องแบบ ผู้สูงอายุ และนักบวชไม่เสียค่าธรรมเนียม เข้าชมฟรี
เปิดวันพุธ-วันอาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น.
สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระองค์ทรงโปรดฯ ให้วิศวกรชาวฝรั่งเศสและอิตาเลียนร่วมกันออกแบบ ก่อสร้างพระราชวังเมืองลพบุรี พร้อมกำแพงเมืองและป้อมปราการขึ้นใน พ.ศ. 2209 เพื่อทรงใช้เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานว่าราชการเมือง ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง พักผ่อนและล่าสัตว์ เสมือนเป็นราชธานีแห่งที่ 2 รองจากกรุงศรีอยุธยา
เมื่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ในพระราชวังแห่งนี้ หลังจากนั้นเมืองลพบุรีก็เริ่มถูกทิ้งร้างและลดความสำคัญลง จนมาถึงสมัยสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดฯให้บูรณะปฏิสังขรณ์พระราชวังแห่งนี้ และพระราชทานนามว่า พระนารายณ์ราชนิเวศน์
และต่อมาในสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานให้เป็นศาลากลางจังหวัดลพบุรี และภายหลังได้จัดตั้งเป็น ลพบุรีพิพิธภัณฑ์สถาน
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ภายในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ แบ่งส่วนจัดแสดงออกเป็นสามอาคารซึ่งตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นกลางและพระราชฐานชั้นใน ได้แก่ พระที่นั่งพิมานมงกุฎ พระที่นั่งจันทรพิศาล และหมู่ตึกพระประเทียบ
พระที่นั่งจันทรพิศาล ภายในจัดแสดงเกี่ยวกับพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ สังคม เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มีภาพเหตุการณ์สำคัญ และโบราณวัตถุ ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
พระที่นั่งพิมานมงกุฎ เป็นอาคารสูง 3 ชั้น สร้างขึ้นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน สำหรับเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
หมู่ตึกพระประเทียบ สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พำนักของข้าราชบริพารฝ่ายในผู้ตามเสด็จสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อเสด็จมาประทับ ณ พระที่นั่งพิมานมงกุฏ สมัยก่อนเขตนี้เป็นเขตหวงห้ามมิให้ผู้ชาย ผ่านเข้ามาในเขตนี้เด็ดขาด
พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช สวรรคต ณ พระที่นั่งแห่งนี้ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2231
ใช้เวลาเดินชมพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระนารายณ์ อยู่นานพอสมควร เพราะมีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายให้น่าค้นหา เมื่อเดินจนทั่วแล้ว สถานที่ต่อไปที่จะไปคือ พระปรางค์สามยอดและ ศาลพระกาฬ
เดินลัดเลาะซอยไปเรื่อยๆ ก็มาเจอศาลพระกาฬและพระปรางค์สามยอดตั้งอยู่ระแวกใกล้กัน
ศาลพระกาฬ หรือเดิมเรียกว่า ศาลสูง เนื่องจากดั้งเดิมศาลตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงที่อยู่สูงจากพื้นดิน ศาลพระกาฬเป็นสิ่งก่อสร้างของขอม สืบเนื่องมาจากเมืองลพบุรีในอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของขอมโบราณ ซึ่งได้กลายเป็นศูนย์กลางการปกครองของขอมในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา
เจ้าพ่อพระกาฬ เป็นเทวรูปสมัยโบราณ ซึ่งสันนิฐานว่าอาจเป็นเทวรูปพระนารายณ์ แต่เดิมเจ้าพ่อพระกาฬมีพระกายสีดำทำจากศิลา ไม่มีพระเศียร และพระกร กล่าวกันว่า เจ้าพ่อพระกาฬได้ไปเข้าฝันผู้ประสงค์ดีท่านหนึ่ง นัยว่าขอพระเศียรและพระกรเท่าที่จะหามาได้ ซึ่งได้มีผู้ศรัทธาได้จัดหาเศียรพระศิลาทรายศิลปะสมัยอยุธยา ส่วนพระกรนั้นได้มาเพียงข้างเดียวจากทั้งหมดสี่ข้าง
พระปรางค์สามยอด เป็นโบราณสถานและ แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดลพบุรี ลักษณะเป็นปราสาทขอมในศิลปะบายน โครงสร้างเป็นศิลาแลงประดับปูนปั้น สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพื่อใช้เป็นพุทธสถานในลัทธิวัชรยานประจำเมืองละโว้หรือลพบุรี
สัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งในปัจจุบัน ที่อยู่บริเวณพระปรางค์สามยอด ของจังหวัดลพบุรี คือ “ลิง” ซึ่งอาศัยอยู่ที่นี่จำนวนมาก
พระปรางค์สามยอด เปิดทำการในวันพุธ-วันอาทิตย์ เวลาเปิดทำการ : 06.00-18.00 น.
ค่าธรรมเนียมเข้าชมสำหรับคนไทย 10 บาท ค่าธรรมเนียมเข้าชมสำหรับชาวต่างประเทศ 50 บาท
หรือ สามารถซื้อบัตรค่าธรรมเนียมเข้าชมแบบรวมทุกสถานที่สำหรับคนไทย 30 บาท สำหรับชาวต่างประเทศ 150 บาท
โดยบัตรค่าเข้าชมแบบรวมนี้สามารถเข้าชม วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พระที่นั่งไกรสรสีหราช พระปรางค์สามยอด และบ้านหลวงวิชาเยนทร์
การเที่ยวในเมืองลพบุรี สามารถเดินเที่ยวได้อย่างสบายๆ เพราะแต่ละสถานที่ตั้งอยู่ไม่ไกลมากนัก และคนเมืองลพบุรีก็ใจดี สามารถสอบถามเส้นทางได้
เดินชมพระปรางค์สามยอดและกราบไหว้พระกาฬเสร็จแล้ว สถานที่ต่อไปที่จะไปคือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ มาเดินเที่ยวชมในตอนเย็น แสงแดดเริ่มอ่อน และมีร่มเงา ทำให้เดินเที่ยวได้สบายมากขึ้น
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟลพบุรี บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ สร้างในสมัยใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด เป็นโบราณสถาน สถาปัตยกรรมแบบขอมโบราณผสมกับกอธิกแบบฝรั่งเศส
เปิดทำการในวันพุธ-วันอาทิตย์ ระหว่างเวลา 07.00 – 17.00 น. มีค่าเข้าชม 10 บาทสำหรับคนไทย และสำหรับชาวต่างชาติ มีค่าธรรมเนียม 50 บาท
เมื่อเข้าไปในบริเวณวัด จะพบศาลาเปลื้องเครื่อง เป็นอันดับแรก ศาลาเปลื้องเครื่องนี้ใช้เป็นที่สำหรับพระเจ้าแผ่นดินเปลื้องเครื่องทรงก่อนที่จะเข้าพิธีทางศาสนาในพระวิหารหรือพระอุโบสถ
ถัดมาเป็นที่ตั้งของพระปรางค์องค์ใหญ่ ก่อด้วยศิลาแลงตั้งแต่ฐานถึงหน้าบัน เหนือขึ้นไปก่อด้วยอิฐจนถึงยอดประดับด้วยลวดลายปูนปั้นอันงดงาม
หมดเวลาเที่ยวสำหรับเมืองลพบุรีในวันนี้แล้ว เตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยรถไฟ ชั้นสอง แบบปรับอากาศ
นั่งรอรถไฟจากสายเหนือ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ มาเทียบชานชลา
บรรยากาศภายในรถไฟปรับอากาศชั้น 2 ที่นั่งสบาย แอร์เย็น มีอาหารมาเสริฟ
ข้อดีของการนั่งรถไฟกลับในตอนเย็น คือได้ชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยมาก หากได้นั่งริมหน้าต่างทางด้านขวามือ