พูดถึงเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (Tokyo Japan) เชื่อว่าเป็นสถานที่จุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวคนไทย ที่อยากไปเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศชาตินิยมสูง จึงเพียบพร้อมไปด้วยประเพณีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ มีอัตลักษณ์ของผู้คนอย่างชัดเจน และความมีระบบระเบียบวินัยของผู้คน รวมทั้งความเจริญก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำประเทศหนึ่งของโลก
จุดเริ่มต้นของการเที่ยวในทริปนี้ เพราะโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินของแอร์เอเชียราคาเชิญชวนให้ไปเที่ยวซะเหลือเกิน เมื่อจองตั๋วเครื่องบินได้ราคาถูกในช่วงตรงกับวันหยุดยาว 3 วัน(ช่วงวันแม่) โดยไม่ต้องลางาน ยิ่งทำให้อยากไปเที่ยวมากขึ้นไปอีก ถึงแม้บางคนอาจจะมองว่าไปญี่ปุ่นทำไมแค่ 3 วัน เดินทางไม่คุ้มกับความเหนื่อย แต่เมื่อตัดสินใจที่จะไปเที่ยวและประกอบด้วยราคาตั๋วเครื่องบินที่ถูกด้วยแล้ว และเป็นครั้งแรกที่ไปประเทศญี่ปุ่น ก็หาข้อมูลและไปลุยเลย
ก่อนขึ้นเครื่องเราเข้าไปใช้บริการของมิลาเคิลเลาจน์ ทานอาหาร และนั่งรอเวลา เนื่องจากเรามีบัตรซิตี้แบงก์พรีเมียร์ ซึ่งมีสิทธิประโยชน์ในการเข้าใช้บริการของมิลาเคิลเลาจน์ได้ที่สนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิได้ฟรี 2 ครั้งต่อปี เพียงแค่โชว์บัตรซิตี้แบงก์เท่านั้น
ระยะเวลาในการเดินทางจากกรุงเทพไปโตเกียวใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ตั๋วที่เราจองไป ออกเดินทางเวลา 5.00 น. ซึ่งเป็นเช้าตรู่ที่จองเวลานี้เพราะได้ตั๋วราคาถูก วิธีการจองตั๋วให้ได้ราคาถูกคือต้องจองช่วงโปรโมชั่นและดูช่วงเวลาในการเดินทาง เพราะแต่ละช่วงเวลา ราคาของตั๋วเครื่องบินราคาถูกและแพงแตกต่างกัน เราไปถึงปลายทางที่สนามบินนาริตะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ประมาณบ่ายโมง Time zone ของประเทศญี่ปุ่นจะเร็วกว่าเมืองไทย 2 ชั่วโมง
Day 1
เราไปถึงสนามบินนาริตะ ราวๆบ่ายโมงกว่าๆ จากสนามบินนาริตะ เราเลือกเดินทางด้วยรถไฟ Keisei Skyliner ปรเะเภทรถไฟ Skyliner+ Tokyo Subway 72 ชั่วโมง (นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote ฟรี 72 ชั่วโมง) ราคาผู้ใหญ่ 3,500 เยน ไปยังสถานี Nippori ใช้เวลาประมาณ 36 นาที
มาญี่ปุ่นครั้งนี้เราเลือกพักที่โรงแรม APA Hotel Nippori เนื่องจากอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า Nippori Station เดินทางสะดวก จากสถานีรถไฟฟ้าเดินมาประมาณ 300 เมตรถึงโรงแรม ตึกของโรงแรมมองเห็นจากสถานีรถไฟฟ้า ทำให้เดินมาได้สะดวกไม่หลงทาง
โรงแรมนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวคนไทย เพราะเดินทางสะดวก และมีหลายสาขาใกล้สถานีรถไฟฟ้า โรงแรมมีความปลอดภัย มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบ แต่ห้องจะค่อนข้างเล็กตามสไตล์โรงแรมญี่ปุ่น ภายในโรงแรมมีตู้ Money exchange ตั้งไว้ให้บริการด้วย ถือว่าสะดวกมากสำหรับคนที่ต้องการใช้เงินเยน
ญี่ปุ่น ใช้เงินสกุล เยน (Japanese Yen)
เรามาถึงโรงแรมประมาณบ่ายสี่โมง แผนวันนี้คือไปดูเทศกาลดอกไม้ไฟที่แม่น้ำสุมิดะ ย่านอาซากุสะ (Asakusa) เรามาเที่ยวช่วงเดือนสิงหาคม ซึ่งจะเป็นช่วงจัดเทศกาลดอกไม้ไฟ ในหลายพื้นที่
สถานี Ueno เป็นสถานีใหญ่ เชื่อมต่อรถไฟฟ้าหลายสาย
จากสถานีรถไฟฟ้า Nippori ต้องนั่งรถไฟไปที่สถานี Ueno เพื่อไปต่อยังสถานี Asakusa
เทศกาลดอกไม้ไฟ เป็นเทศกาลที่คนญี่ปุ่นให้ความสนใจมากเลยทีเดียวเพราะคนไปรอดู จับจองพื้นที่เพื่อรอดูการจุดพลุดอกไม้ไฟเยอะมาก คนญี่ปุ่นจะนิยมแต่งตัวด้วยชุดประจำชาติไปเที่ยวเทศกาลดอกไม้ไฟ
การจุดดอกไม้ไฟจะเริ่มจุดเวลาประมาณ 20.00 น. ระหว่างรอเวลา เราก็หาอาหารมื้อเย็นทาน เป็นอาหารมื้อแรกเมื่อไปถึงญี่ปุ่น อาหารที่เลือกมื้อนี้เป็นซูชิสายพาน รสชาติอร่อย เนื้อเต็มๆคำ ไม่ผิดหวังจริงๆ ซึ่งร้านนี้ก็น่าจะเป็นร้านดังของย่านอาซากุสะเนื่องจากมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเยอะต่อเนื่องเลยทีเดียว
ซูชิสายพาน
(Sumida River Fireworks Festival) จัดขึ้นริมแม่น้ำสุมิดะ ในอาซากุสะ (Asakusa) สามารถรับชมดอกไม้ไฟได้ถึง 20,000 ลูก มีฉากหลังเป็นตึก Tokyo Sky Tree ตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำ
ดอกไม้ไฟริมแม่น้ำสุมิดะ ดอกไม้ไฟริมแม่น้ำสุมิดะ
Day 2
เช้าวันนี้เริ่มต้นด้วยย่านชิบูย่า (Shibuya) ซึ่งเป็นแหล่งรวมเทรนด์และกระแสนิยมใหม่ๆ ในญี่ปุ่น เต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหารที่ทันสมัย สถานที่เกี่ยวกับวัฒนธรรม คลับ และอื่นๆ อีกมากมาย วันนี้ฝนตกตั้งแต่ตอนเช้า
นั่งรถไฟฟ้าจากสถานี Nippori ตรงไป Shibuya ได้เลย
ตึกร้านสตาร์บัค ห้าแยกชิบูย่า
ห้าแยกชิบูย่าที่มีคนเดินสวนกันไปมาจนตาลาย และรูปปั้นฮาจิโกะ สุนัขผู้ซื่อสัตย์ที่กลายเป็นจุดนัดพบและสถานที่ที่หากใครมาเยือนชิบูย่าต้องแวะมาถ่ายรูปด้วย แวะดื่มกาแฟที่ร้านสตาร์บัค จะได้เห็นวิวห้าแยกชิบูย่า
เดินเที่ยว ช้อปปิ้ง ย่านชิบูย่าจนพอใจแล้ว ย่านต่อไปที่จะไปคือ ย่านฮาราจูกุ (Harajuku) เพื่อไปศาลเจ้าเมจิ Meiji Shrine Tokyo Japan
จากสถานีชิบูย่านั่งรถไฟตรงมาลงที่สถานี JR Harajuku ศาลเจ้าเมจิอยู่ติดกับสถานี JR Harajuku มาถึงที่นี่ฝนหยุดตก เริ่มมีแดดอ่อนๆ
ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine)เป็นศาลเจ้าศาสนาชินโตที่คนญี่ปุ่นสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับจักรพรรดิเมจิ จักรพรรดิเมจิคือผู้ที่เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองยกเลิกระบบโชกุน และนำพาประเทศญี่ปุ่นให้เติบโตอย่างรวดเร็ว ในช่วง “ปฏิวัติเมจิ”
ทางเข้าศาลเจ้าเราจะเห็นเสาโทริอิขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า
ระหว่างทางเดินไปยังศาลเจ้า มีถังเหล้าสาเกที่ตั้งเรียงรายบริเวณทางเข้า
ก่อนเข้าไปยังในตัวศาลเจ้าต้องล้างมือ และ บ้วนปากเสียก่อน ต้องชำระร่างกายให้สะอาด ตามความเชื่อของคนญี่ปุ่น
เมื่อเจอบ่อน้ำให้เราหยุดชำระล้างตามธรรมเนียมของชาวญี่ปุ่นเสียก่อนด้วยการใช้กระบวยตักน้ำขึ้นมาด้วยมือซ้ายเพื่อล้างมือขวา จากนั้นใช้กระบวยตักน้ำด้วยมือขวาเพื่อล้างมือซ้าย ใช้มือรองน้ำที่เหลือจากกระบวยเพื่อล้างปาก (ห้ามใช้ปากสัมผัสกระบวย) ถือกระบวยตั้งขึ้นเพื่อให้น้ำที่ยังเหลืออยู่ไหลลงมาเพื่อล้างด้ามจับ เป็นอันเสร็จขั้นตอน
ทางเดินเข้าศาลเจ้าเมจิ Meiji Shrine Tokyo Japan ร่มรื่นด้วยต้นไม้ ระหว่างสองข้างทางก็จะเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่มากมาย เป็นจุดท่องเที่ยวที่เข้าชมได้ฟรี
ไหว้ขอพรและเดินเที่ยวในบริเวณศาลเจ้าจนทั่วแล้ว ก็ออกไปทานมื้อเที่ยงกันที่ย่านฮาราจุกุ และเดินเที่ยวแถวนั้นอีกสักพักนึง ก็ออกเดินทางต่อไปย่านอาซากุสะ
จากสถานี Harajuku นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote กลับไปสถานี Shibuya เพื่อนั่งรถไฟสาย Ginza ไปสถานี Asakusa (ไปเที่ยวครั้งแรกก็จะยังงงๆ หน่อย)
มาเที่ยวย่านอาซากุสะ ตั้งใจจะมาที่วัดเซ็นโซจิ (Sensoji) เป็นวัดที่มีประตูและโคมแดงขนาดยักษ์โดดเด่น ซึ่งวัดนี้เป็นวัดทางศาสนาพุทธที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคคันโตของญี่ปุ่น
วัดเซ็นโซจิ อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟไฟ้าAsakusa เดินมาประมาณ 300 เมตร ออกที่ทางออกหมายเลข 3 จะอยู่ใกล้กับทางเข้าวัดที่สุด เข้าชมได้ฟรี
การสวมใส่ชุดกิโมโนยูกาตะ เดินเที่ยวชมวัดเซ็นโซจิ เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว มีร้านให้เช่าชุดกิโมโนยูกาตะ ให้เช่าบริเวณวัด
ภายในวัดอาซากุสะจะมีการสักการะเทพเจ้าคันนงโดยการรดน้ำ และตรงกลางวัดจะมีกระถางธูปขนาดใหญ่ ซึ่งมีความเชื่อว่าถ้าผู้ใดได้รับควันธูปจากกระถางธูปนี้ จะโชคดีมีความสุข นอกจากนี้ยังมีการทำบุญไหว้พระด้วยการโยนเหรียญลงในกล่อง และการเสี่ยงเซียมซี
จากวัดจะมองเห็นตึก Tokyo Sky Tree
ข้างวัดจะมีถนนช้อปปิ้งอีกเส้นคือ ถนนชินนากามิเสะ (Shin-Nakamise Shopping Street) ซึ่งมีร้านค้า และ ร้านอาหารขายเยอะมาก
เที่ยวย่านอาซากุสะจนทั่วแล้ว เรากลับไปอาบน้ำพักผ่อนที่ห้องโรงแรมก่อนจะไปย่านชินจูกุ (Shinjuku) เพราะออกมาตั้งแต่เช้าและอากาศค่อนข้างร้อน เนื่องจากเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสะดวก ทำให้ไม่เสียเวลาในการเดินทางเท่าไหร่
ปิดทริปของวันนี้ตอนเย็นจะไปเดินเที่ยวที่ย่านชินจูกุ (Shinjuku) ซึ่งเป็นย่านที่มีสถานที่ท่องเที่ยวคึกคัก มีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยแสงสีและความสนุกสนานอย่างไม่รู้จักหลับใหล สว่างไสวด้วยแสงนีออน รวมถึงร้านอาหารและบาร์สุดหรูในโรงแรมตั้งอยู่ท่ามกลางตึกสูงระฟ้า ห้างสรรพสินค้า และยังเป็นสถานที่ตั้งของศาลาว่าการกรุงโตเกียว
ก็อตซิล่าบนตึกTOHO ถือเป็นแลนด์มาร์กสำหรับถ่ายรูปสวย ๆ เมื่อมาถึงชินจูกุแล้ว
ย่านชินจูกุเป็นย่านที่คึกคักมากในยามค่ำคืน นักท่องเที่ยวหนาแน่น เพราะเป็นทั้งแหล่งช้อปปิ้ง บันเทิง และความทันสมัย
Day3
วันนี้มีเวลาเที่ยวครึ่งวันเช้า เพราะต้องบินกลับกรุงเทพในช่วงบ่ายสี่โมงเย็น วันนี้เลยวางแผนที่จะไปย่านอุเอโนะ (Ueno) เพราะนั่งรถไฟฟ้าจากสถานี Nippori สายตรงจากที่พักไปสถานี Ueno ได้โดยง่าย เพื่อไปสวนสาธารณะอุเอโนะ และก็ไปเดินช้อปปิ้งที่ตลาด Ueno Ameyoko
สวนสาธารณะอุเอโนะ ตั้งอยู่ใจกลางเส้นทางจราจรของ Tokyo ที่เชื่อมโยงกับหลายพื้นที่ มีหอศิลป์และพิพิธภัณฑ์ให้ได้เพลิดเพลินกับศิลปะ ถ้าเป็นช่วงที่ดอก Sakura บานที่นี่จะเต็มไปด้วยผู้คน และเป็นที่ตั้งของสวนสัตว์ Ueno
วัด Kan’ei-ji เป็นวัดขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ทั้งหมดของสวนสาธารณะ Ueno ปัจจุบันยังคงมีเจดีย์ 5 ชั้นและ Kizyomizu Kannon-dou โบสถ์ที่ได้รับการบันทึกให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติซึ่งรอดพ้นจากแรงระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ตลาด Ueno Ameyoko (Ameyoko market) อยู่ตรงกันข้ามกับสวนสาธารณะ Ueno Park เป็นแหล่งช้อปปิ้งในย่านอุเอโนะ มีของขายมากมายไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ร้านเครื่องสำอาง ร้านขายแบรนด์เนมมือสอง ขนม อาหารแห้ง ของสด อาหารทะเล ฯลฯ
นอกจากของสดแล้ว ที่นี่ยังมีร้านอาหารจานด่วน เช่น ข้าวหน้าปลาไหล ข้าวหน้าปลาดิบ ลักษณะที่นั่งทานจะเป็นเพียงเก้าอี้ให้ถือกิน หรือบางร้านอาจจะมีโต๊ะเล็กๆ ให้วางชาม
มื้อนี้เราก็เลยลองข้าวหน้าปลาไหลไป 1 ชาม รสชาติหอม หวาน อร่อยมาก คุ้มราคา
จบทริปญี่ปุ่น 3 วัน 2 คืน การมาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ทำให้รู้ว่ามาเที่ยวโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นไม่ได้ยาก อย่างที่คิด เมืองโตเกียวเดินทางง่ายและสะดวกมาก เพราะมีรถไฟฟ้าเชื่อมต่อไปทุกสถานที่ ทำให้รู้ว่าคนญี่ปุ่นแทบจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ หรือพูดได้น้อยมาก แต่ก็ใจดีและเป็นมิตรอยู่มากเหมือนกันเพราะเมื่อเราถามทางเขาจะพยายามช่วยจนถึงที่สุด
สรุปค่าใช้จ่าย 3 วัน 2 คืนคร่าว ๆ
ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ สายการบินแอร์เอเชีย กรุงเทพดอนเมือง-สนามบินนาริตะ ญี่ปุ่น 7,000 บาท /คน
ค่าที่พักโรงแรม APA Hotel Nippori Akimae 2 คืน คืนละ 2,500 บาท/ห้อง รวม 5,000 บาท
SCB My Home Cash & My Car Cash บ้านอยู่ครบรถมีขับ เปลี่ยนบ้านเป็นเงินทันใจ จะซ่อมแซมต่อเติมบ้าน ปลดภาระ ค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน หรือทำตามความฝัน โดยการนำอสังหาริมทรัพย์ มาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ เช่น บ้านเดี่ยว, ทาวน์เฮ้าส์, ทาวน์โฮม, ตึกแถว, อาคารชุด, ที่ดินว่างเปล่า จุดขาย • ดอกเบี้ยหลากหลาย และวงเงินกู้ยืมสูงสุด 20,000,000 บาท • อนุมัติไว ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน ครอบครองและมีสิทธิใช้รถยนต์ได้ตามปกติ โดยผ่อนชำระหนี้เป็นรายงวดสบายๆ นานสูงสุดถึง 84 เดือน เมื่อผ่อนชำระครบถ้วนตามเงื่อนไขกรรมสิทธิ์ รถยนต์จะโอนกลับเป็นของคุณในทันที สมัครง่าย อนุมัติและได้รับเงินรวดเร็วภายใน 1 วันจุดขาย • สะดวกและรวดเร็ว • หมดกังวลเรื่องแผนการผ่อนชำระ สนใจคลิกรายละเอียดเพิ่มเติม https://www.scb.co.th/th/personal-banking/loans/car-loans/my-car-my-cash.html https://cl.accesstrade.in.th/001coo0011q8