tiewgan.com

Think about Travel Think of Tiewgan.com

ทริปนี้เดินทางไปเที่ยวที่ภูเก็ต 2 วัน 1 คืน ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์วันหยุดเสาร์อาทิตย์ ทริปนี้ไม่ได้เช่ารถ ใช้การเดินทางโดยรสบัสประจำทางจากสนามบินเข้าไปที่ตัวเมืองเก่าภูเก็ต เดินทางออกจากสนามบินดอนเมืองกรุงเทพฯ เที่ยวบิน 9.30 น. ไปถึงสนามบินภูเก็ตเวลา 10.50 น.

จากอาคารสนามบินภูเก็ตเมื่อเดินออกมาให้เดินออกไปทางด้านซ้ายมือจะมีรถบัสจอดอยู่ 2 คันคือคันสีฟ้าและคันสีส้ม รถบัสคันสีฟ้าจะวิ่งไปเส้นทางป่าตอง ส่วนรถบัสคันสีส้มจะวิ่งเส้นทางเข้าเมืองภูเก็ต

เราเลือกขึ้นรถบัสคันสีส้มเพื่อเข้าเมืองภูเก็ต โดยมีค่าโดยสาร 100 บาท แจ้งจุดลงรถกับพนักงานเอาไว้ว่าจะลงย่านเมืองเก่า จากสนามบินภูเก็ต เข้าเมืองภูเก็ตระยะทางค่อนข้างไกล ประมาณ 37 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ก็มาถึงที่ตัวเมืองเก่า รถบัสจะจอดตรงบริเวณซอยรมณีย์ ซึ่งเมื่อเดินทะลุซอยรมณีย์ไปก็จะเจอกับถนนถลาง ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักของเมืองเก่าภูเก็ต เมื่อเราเดินไปเจอถนนถลางเดินไปทางซ้ายมืออีก 50 เมตรก็เจอโรงแรมที่พัก

ทริปนี้เราจองที่พักที่ถนนถลาง ชื่อ 99 Oldtown Boutique Guesthouse ซึ่งเป็นรูปแบบบ้านเก่าสไตล์ชิโนโปรตุกิสของคนพื้นเมืองภูเก็ต ด้านหน้าจะมีร้านขายเสื้อผ้าเครื่องประดับ เดินเข้าไปเช็คอินด้านใน จะมีค่ามัดจำกุญแจ 500 บาท ห้องพักของเราอยู่ชั้น 3 ตกแต่งในสไตล์แบบบ้านเก่าของคนภูเก็ต ห้องพักสะอาดสะอ้าน มีแอร์ โทรทัศน์ ตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง เครื่องทำน้ำอุ่น มีห้องน้ำส่วนตัวภายในห้องพัก พร้อมสิ่งของอำนวยความสะดวกต่างๆ พื้นห้องเป็นไม้ปาเก้ ห้องพักจะไม่เก็บเสียงได้ยินเวลามีคนเดินหรือพูดคุยกัน และ มีแสงสว่างลอดเข้ามาทางหน้าต่างเพราะไม่มีม่านกันแสง

การมาเที่ยวภูเก็ตในครั้งนี้ของเราเป็นครั้งที่ 4 ครั้งก่อนๆ ไม่เคยพักในย่านเมืองเก่าภูเก็ต ครั้งนี้เลยมาพักในเมืองเก่าเพราะอยากมาสัมผัสวิถีชีวิตในแบบคนเมืองภูเก็ต และมีร้านอาหารอร่อยชื่อดังตั้งอยู่บริเวณนี้อยู่หลายร้านด้วยกัน เช่นร้านระย้า ร้านวันจันทร์ ร้านตู้กับข้าว ร้านโกเบ๊นซ์ข้าวต้มแห้ง ร้านขนมจีนป้ามัย ร้านพิเศษ ฯลฯ

เมื่อเก็บของไว้ในห้องพักเสร็จแล้ว ออกไปเดินเที่ยวเล่นและหาของกินในย่านเมืองเก่าภูเก็ต

เดินไปเรื่อยๆ จนไปถึงหัวถนนดีบุก เจอร้านขนมอาโป้งเจ้าดัง ซึ่งเป็นขนมพื้นถิ่นของคนภูเก็ต เลยแวะซื้อเพื่อลองชิมดูสักหน่อย ขนมอาโป้งเจ้านี้ขายที่ 7 ชิ้น 20 บาท มีลักษณะเป็นขนมที่ทำจากแป้งและกะทิ เอาไปจี่บางๆ กับกระทะเตาถ่าน แล้วนำขึ้นมาม้วนเป็นชิ้นๆ เมื่อขนมเริ่มเย็นลงจะกรอบบาง มีกลิ่นหอมของกะทิกับแป้ง อร่อยกินเพลินมาก

เพลิดเพลินกับการเดินชมเมืองและชมสถาปัตยกรรมของตึกเก่า บ้านเก่าสไตล์ชิโนโปรตุกิส ในย่านเมืองเก่า ย่านนี้มีตึกที่น่าสนใจและสถาปัตยกรรมที่สวยงาม และมีเสน่ห์ อยู่ทั่วบริเวณ

มื้อเที่ยงวันนี้เราตั้งใจจะไปกินขนมจีนภูเก็ตที่ร้านป้ามัย และไปกินชาเย็นแก้วยักษ์ที่ร้านพิเศษ ซึ่งอยู่บริเวณย่านเมืองเก่า เริ่มจากร้านป้ามัย ร้านมองเห็นเด่นชัด เราไปถึงที่ร้านเกือบบ่ายโมง ซึ่งร้านใกล้จะปิดแล้ว แต่ก็ยังมีน้ำยาให้เลือกอีกหลายอย่าง ขนมจีนของร้านป้ามัย มีผักเครื่องเคียงตั้งอยู่บนโต๊ะให้เลือกกินได้หลายอย่าง จานเด็ดคือห่อหมกภูเก็ต ในราคาห่อละ 20 บาท

ร้านต่อไปของเราคือร้านพิเศษ เป็นร้านอาหารและคาเฟ่ ซึ่งร้านนี้จะมีจุดเด่นตรงที่ชาเย็นแก้วยักษ์ มีโปะด้วยวิปปิ้งแล้วราดด้วยคาลาเมล ในราคาแก้วละ 150 บาท เทียบเท่าขนาดแก้วทั่วไปได้ 3 แก้ว อิ่มจนจุก ทาน 2 ร้านนี้เสร็จกลับไปนอนพักที่โรงแรม และออกมาในช่วงเย็นอีกครั้ง เพราะอากาศค่อนข้างร้อนมากในตอนกลางวัน

เราออกมาจากห้องพักในตอนเย็น เดินสำรวจรอบๆ เมืองเก่าไปเรื่อยๆ เป้าหมายมื้อเย็นวันนี้คือร้าน โกเบ๊นซ์ข้าวต้มแห้ง เจ้าดังของภูเก็ต สั่งข้าวต้มแห้งพิเศษมา 1 ชุดในราคา 70 บาท อร่อยสมเป็นร้านดังที่ควรมาลอง

ในช่วงเย็นเดินชมบรรยากาศเมืองเก่าภูเก็ตในยามค่ำคืน อากาศไม่ร้อน เดินเที่ยวเล่นได้สบายๆ และมีนักท่องเที่ยวออกมาเดินเล่นและถ่ายรูป

เช้าวันรุ่งขึ้น เดินออกไปกินโจ๊กที่ร้านข้าวต้มภูเก็ตซึ่งเป็นร้านเก่าแก่ของคนภูเก็ตเป็นมื้อเช้า เพราะจองที่พักแบบไม่ได้รวมอาหารเช้าเอาไว้ ร้านข้าวต้มภูเก็ตตั้งอยู่ใกล้ๆ กับแยกชาร์เตอร์ตึกสีเหลืองโดดเด่น ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่พัก

เมื่อทานอาหารเช้ารองท้องไปแล้ว วันนี้ตั้งใจจะไปกินขนมหวานชื่อ บิโกหมอย ซึ่งเป็นขนมของร้าน Torry ตั้งอยู่ในซอยรมณีย์ อยู่ใกล้กับโรงแรมที่พัก

บิโกหมอย เป็นอีกหนึ่งเมนูขนมหวานของคนภูเก็ต ชื่ออาจจะแปลกๆ หน่อย แต่จริงๆแล้ว บิโกหมอยก็คือข้าวเหนียวดำเปียก เป็นขนมหวานที่ทำมาจากข้าวเหนียวดำ นำไปต้มจนเปื่อย แล้วใส่น้ำตาลทราย รับประทานโดยราดน้ำกะทิข้นๆใส่เกลือเล็กน้อยให้พอมีรสเค็ม เพิ่มไอศครีมเข้าไปทำให้ขนมรสชาติหวานละมุนอร่อยลงตัว

ขนมหวานบิโกหมอย

จากนั้นเราก็ไปหากาแฟดื่มในย่านเมืองเก่า ซึ่งมีคาเฟ่อยู่หลายร้านให้เลือก แล้วก็กลับไปพักที่โรงแรม ก่อนจะเช็คเอ้าท์ออกและรับเงินมัดจำกุญแจคืน สถานที่ต่อไปที่จะไปคือคาเฟ่สีชมพู ย่านป่าตองชื่อ Cafe Phuket view point

จากย่านเมืองเก่าภูเก็ตไปที่ Cafe Phuket view point ป่าตอง เราใช้การเดินทางด้วย Grab ระยะทางจากเมืองเก่าประมาณ 15 กิโลเมตร เราเลือกการเดินทางโดยใช้ Grab Bike เพราะเดินทางคนเดียวและราคาถูกกว่า Grab Car ค่อนข้างเยอะ ค่าโดยสารทั้งหมด 186 บาท เส้นทางมาที่ร้าน Cafe Phuket view point จากหาดป่าตอง ร้านนี้ตั้งอยู่บนภูเขา มีวิวทะเลแบบพาโนรามา

รถ Grab Bike มาส่งถึงหน้าร้าน Cafe Phuket view point ตัวร้านจะมีโซนบริการอยู่ 2 ระดับ หากต้องการลงมาชมวิวด้านล่างที่มีมุมถ่ายรูป และชมวิวแบบพาโนรามา ต้องสั่งน้ำอย่างน้อย 1 แก้ว จึงจะสามารถลงมาใช้บริการในโซนด้านล่างได้ ร้านนี้เป็นอีกสถานที่ที่ทำให้รู้สึกประทับใจกับวิวของเกาะภูเก็ต เพราะวิวสวยมากจริงๆ

เราสั่งน้ำ 1 แก้ว และ สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า ชุดนี้ราคาประมาณ 300 บาท แล้วนั่งชมบรรยากาศเพลินๆ ปิดทริปภูเก็ต 2 วัน 1 คืนที่ร้าน Cafe Phuket view point

ขากลับไปสนามบินภูเก็ต เราเดินทางโดยใช้บริการรถบัสคันสีฟ้าจากป่าตองไปสนามบิน ชื่อ ภูเก็ต สมาร์ท บัส (Facebook : https://www.facebook.com/PhuketSmartBus ) ในราคา 100 บาท โดยสอบถามเส้นทางผ่านแชทในเฟสบุ๊ค สอบถามเส้นทาง และเวลาที่รถจะมาถึง

จากหน้าร้าน Cafe Phuket view point สามารถแจ้งทางแชทกับแอดมินในเฟสบุ๊คของ ภูเก็ต สมาร์ท บัส ให้แจ้งคนขับแวะรับได้เพราะเป็นเส้นทางผ่านระหว่างหาดป่าตองไปสนามบินภูเก็ต การเดินทางไปสนามบินใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึงที่สนามบินภูเก็ต

RELATED ARTICLES

เดินทางไป The EMSPHERE Bangkok ด้วยรถไฟฟ้า BTS ห้างเปิดใหม่ใจกลางสุขุมวิท

The EMSPHERE เป็นหนึ่งในห้างในเครือของ The Mall Group ซึ่งเป็นห้างที่เปิดใหม่ในปลายปี 2566 ตั้งอยู่ใจกลางสุขุมวิท ในย่านพร้อมพงษ์ ทำเลที่ตั้งของ The EMSPHERE นั้นตั้งอยู่ในละแวกเดียวกันกับห้าง The Emporium และ The Emquatier ซึ่งเป็นห้างในเครือของ The Mall Group เช่นกัน การเดินทางมาที่ The EMSPHERE นั้นสามารถเดินทางโดยสะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีพร้อมพงษ์ เลือกออกทางออกที่ 6 แล้วเดินตรงไปตามทางเดินลอยฟ้าจะมีป้ายบอกทางไปยัง The EMSPHERE โดยจะผ่านห้าง The Emporium และ The Emquatier ผ่านสวนอุทยานเบญจสิริ ตัวอาคารจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ จุดเด่นจะมีป้าย IKEA…

เดินทางไปสถานทูตอเมริกาด้วยรถไฟฟ้า BTS พร้อมรีวิวการสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา USA visa

การขอวีซ่าอเมริกาเมื่อกรอกแบบฟอร์ม DS160 และจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าไปจองวันที่จะเข้าไปนัดสัมภาษณ์กับสถานทูตอเมริกา ซึ่งสามารถเลือกรอบวันสัมภาษณ์ได้ด้วยตัวเองและต้องไปสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกาที่ สถานทูตอเมริกาในประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ที่เลขที่ 95 ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ 10330 เบอร์โทรศัพท์ +66-2-205-4000 เรากรอกแบบฟอร์ม DS160 ผ่านเว็บไซต์ของสถานทูตอเมริกาผ่านลิ้งค์นี้ https://ceac.state.gov/GenNIV/Default.aspx ในการกรอกแบบฟอร์ม DS160 ต้องกรอกตามความเป็นจริงและกรอกให้ครบทุกช่อง เพราะเวลาที่สถานทูตอเมริกาพิจารณาในการให้วีซ่านั้น จะดูจากข้อมูล DS160 เป็นหลัก เมื่อกรอกแบบฟอร์ม DS160 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าไปลงทะเบียนผ่านลิ้งค์ https://portal.ustraveldocs.com/ เพื่อเข้าไปกรอกรายละเอียดเพื่อชำระเงิน และเมื่อกรอกข้อมูลเสร็จเรียบร้อย ก็นำเลขใบเสร็จไปจ่ายเงินที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และเมื่อจ่ายเงินแล้ว เว้นระยะวันนึงก็กลับมาเลือกวันจองสัมภาษณ์อีกครั้งผ่านเว็บไซต์นี้อีกครั้ง (เราสมัครวีซ่าอเมริกาและจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยในเดือนกันยายน 2566 จองคิวได้รอบสัมภาษณ์ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ) วิธีการเดินทางไปสถานทูตอเมริกา การเดินทางไปที่สถานทูตอเมริกา กรุงเทพฯ เรานั่งรถไฟฟ้าบีทีเอส…

รวมคลิปเที่ยวมาไซมาร่า 5 วัน 4 คืน ท่องดินแดนอาณาจักรสัตว์ป่าที่เคนยา แอฟริกา

ทริปนี้เป็นการเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศเคนยา ทวีปแอฟริกา เป็นเวลา 10 วัน และไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติมาไซมาร่าเป็นเวลา 5 วัน 4 คืน การเดินทางไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติมาไซมาร่าในทริปนี้ใช้บริการบริษัททัวร์ท้องถิ่นของคนเคนยาชื่อบริษัท Serenity Mara Safiris ซึ่งจะเป็นคนดูแลเราตลอดทั้งทริปในการทัวร์ที่อุทยานแห่งชาติมาไซมาร่า โดยวันแรกจะมีรถตู้มารับเราในเมืองในโรบีตอนเช้า 7.00 น. และไปส่งถึงหน้าด่านทางเข้าอุทยานแห่งชาติมาไซมาร่า จากนั้นก็จะเปลี่ยนมาใช้รถแลนด์ครุยเซอร์ เข้าไปในอุทยานมาไซมาร่า ทริปนี้จะไปพัก 2 ที่พักด้วยกันคือ Mara Serena Safari Lodge ซึ่งเป็นที่พักที่ตั้งอยู่บนภูเขา โดยพักที่นี่ 2 วัน 2 คืน และอีกที่พักคือ marangenche ซึ่งเป็นที่พักแนวแคมป์เป็นเต๊นท์สไตล์แอฟริกา ตั้งอยู่ที่ราบกลางป่าในอุทยานมาไซมาร่า และติดกับแม่น้ำมาร่า โดยจะพักที่นี่เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน และก็กลับเข้าเมืองไนโรบี…

นั่งรถไฟเที่ยวตลาดร่มหุบ แม่กลอง และตลาดน้ำอัมพวา One Day Trip

ตลาดร่มหุบเป็นอีกหนึ่งตลาดของประเทศไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลกและเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวเยี่ยมชม ด้วยความมีเอกลักษณ์ของตลาดที่เมื่อรถไฟวิ่งผ่าน บรรดาพ่อค้าแม่ค้าจะเก็บร้านเพื่อให้รถไฟผ่านโดยการหุบร่มที่กางไว้อย่างรวดเร็วเพราะพ่อค้าแม่ค้าตั้งแผงร้านค้าขายของกันติดกับข้างรางรถไฟ ตลาดร่มหุบตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟแม่กลอง ซึ่งเป็นสถานีปลายทาง ตำบลแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ตลาดเปิดขายทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 18.00 น. หากต้องการมาเที่ยวชมดูตลาดร่มหุบในเวลาที่รถไฟวิ่งผ่านสามารถมาตามตารางเวลารถไฟซึ่งวิ่งผ่านตลาดร่มหุบวันละ 8 รอบ คือ 06.20, 08.30, 09.30, 11.10, 11.30, 14.30, 15.30 และ 17.40 น. การเดินทางมาที่ตลาดร่มหุบ แม่กลอง โดยการเดินทางโดยรถไฟไปที่ตลาดร่มหุบ แม่กลองนั้น ต้องใช้การเดินทาง 3 ต่อด้วยกันคือ เริ่มจากสถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ ไปที่ สถานีรถไฟมหาชัย จากสถานีรถไฟมหาชัย เดินไปที่ท่าเรือมหาชัย นั่งเรือข้ามฟากไปยังท่าเรือท่าฉลอม แล้วเดินไปที่สถานีรถไฟบ้านแหลม จากสถานีรถไฟบ้านแหลม ไปยัง สถานีรถไฟแม่กลอง…

Leave a Reply

google.com, pub-2053835749703173, DIRECT, f08c47fec0942fa0